ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกพันธุ์ปลูก"
บรรทัดที่ 2: | บรรทัดที่ 2: | ||
== '''พันธุ์กับชนิดของเนื้อดิน''' == | == '''พันธุ์กับชนิดของเนื้อดิน''' == | ||
ดินที่ใช้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ที่ปลูกกันโดยทั่วไปมักเป็นดินที่มีปฏิกิริยาเป็นกรด เนื้อหยาบ และมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เป็นดินทรายและดินร่วนปนทราย | ดินที่ใช้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ที่ปลูกกันโดยทั่วไปมักเป็นดินที่มีปฏิกิริยาเป็นกรด เนื้อหยาบ และมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เป็นดินทรายและดินร่วนปนทราย ที่มีปริมาณอินทรียวัตถุในดินต่ำถึงต่ำมากจึงมีการเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้เหมาะสมกับชนิดของเนื้อดินและความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่ออัตราการรอดหลังปลูกและผลผลิตที่สูงขึ้น ดังตารางที่ 1 | ||
'''ตารางที่ 1''' พันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับชนิดของเนื้อดินแต่ละชนิด | '''ตารางที่ 1''' พันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับชนิดของเนื้อดินแต่ละชนิด | ||
บรรทัดที่ 61: | บรรทัดที่ 60: | ||
== พันธุ์กับโซนพื้นที่ปลูก == | == พันธุ์กับโซนพื้นที่ปลูก == | ||
การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้เหมาะกับพื้นที่ปลูกเป็นการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงและดูแลรักษาเพื่อปรับสภาพพื้นที่ปลูกให้เหมาะกับชนิดของพันธุ์นั้นๆ | การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้เหมาะกับพื้นที่ปลูกเป็นการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงและดูแลรักษาเพื่อปรับสภาพพื้นที่ปลูกให้เหมาะกับชนิดของพันธุ์นั้นๆ โดยการวางแผนผลิตมันสำปะหลังตามการแบ่งเขตการผลิตนิเวศน์เกษตรของกรมพัฒนาที่ดินได้แบ่งเขตการผลิตเป็น 7 เขต ดังตารางที่ 2 | ||
'''ตารางที่ 2''' สายพันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับโซนพื้นที่ต่างๆ | '''ตารางที่ 2''' สายพันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับโซนพื้นที่ต่างๆ | ||
บรรทัดที่ 139: | บรรทัดที่ 137: | ||
* เกษตรศาสตร์ 50 | * เกษตรศาสตร์ 50 | ||
|} | |} | ||
== '''พันธุ์กับฤดูปลูก ''' == | |||
การปลูกมันสำปะหลังในประเทศไทย เกษตรกรสามารถเลือกปลูกได้ทั้งต้นฤดูฝน (กุมภาพันธ์ - เมษายน) และปลายฤดูฝน (พฤศจิกายน - มกราคม) มันสำปะหลังจะให้ผลผลิตหัวสดสูงสุดหากปลูกช่วงต้นฤดูฝน อย่างไรก็ตามการปลูกในช่วงปลายฝนหรือช่วงแล้ง สามารถลดปัญหาวัชพืช มีผลดีต่อการอนุรักษ์ดิน เนื่องจากช่วงแรกที่ปลูกแม้จะเติบโตช้า แต่ไม่มีฝนตกที่ทำให้เกิดการชะล้างของหน้าดิน เมื่อถึงฤดูฝนมันสำปะหลังจะเจริญเติบโตแผ่พุ่มใบทำให้ลดแรงปะทะจากฝน อีกทั้งมันสำปะหลังเป็นพืชที่สามารถทนแล้งได้ดี ซึ่งหลังจากปลูกและต้นพันธุ์สามารถตั้งตัวได้แล้ว เมื่อขาดฝนมันสำปะหลังจะลดพื้นที่ใบโดยการผลัดใบแก่และสร้างใบใหม่ให้น้อยลง ใบมีขนาดเล็กลง เพื่อลดการคายน้ำ โดยมันสำปะหลังแต่ละพันธุ์มีการตอบสนองต่อช่วงการปลูกและให้ผลผลิตที่ต่างกัน ดังตารางที่ 3 | |||
'''ตารางที่ 3''' ปริมาณแป้งในหัวสด ผลผลิตหัวสด ผลผลิตแป้ง และผลผลิตมันเส้นของมันสำปะหลังแต่ละพันธุ์ เมื่อปลูกปลายฤดูฝนและต้นฤดูฝน | |||
{| class="wikitable" | |||
| rowspan="2" |'''พันธุ์''' | |||
| colspan="2" |'''ปริมาณแป้งในหัวสด (%)''' | |||
| colspan="2" |'''ผลผลิตหัวสด''' | |||
'''(ตันต่อไร่)''' | |||
| colspan="2" |'''ผลผลิตแป้ง''' | |||
'''(ตันต่อไร่)''' | |||
| colspan="2" |'''ผลผลิตมันเส้น''' | |||
'''(ตันต่อไร่)''' | |||
|- | |||
|'''ปลายฝน''' | |||
|'''ต้นฝน''' | |||
|'''ปลายฝน''' | |||
|'''ต้นฝน''' | |||
|'''ปลายฝน''' | |||
|'''ต้นฝน''' | |||
|'''ปลายฝน''' | |||
|'''ต้นฝน''' | |||
|- | |||
|* ระยอง 7 | |||
|27.6 | |||
|27.2 | |||
|6.30 | |||
|6.36 | |||
|1.77 | |||
|1.73 | |||
|2.43 | |||
|2.36 | |||
|- | |||
|ระยอง 90 | |||
|26.8 | |||
|25.8 | |||
|5.26 | |||
|5.14 | |||
|1.42 | |||
|1.33 | |||
|1.99 | |||
|1.91 | |||
|- | |||
|ระยอง 5 | |||
|24.7 | |||
|25.0 | |||
|5.36 | |||
|5.27 | |||
|1.33 | |||
|1.32 | |||
|1.95 | |||
|1.92 | |||
|- | |||
|เกษตรศาสตร์ 50 | |||
|26.1 | |||
|24.4 | |||
|5.48 | |||
|5.98 | |||
|1.45 | |||
|1.51 | |||
|2.05 | |||
|2.19 | |||
|- | |||
|ระยอง 72 | |||
|22.5 | |||
|22.9 | |||
|5.55 | |||
|5.81 | |||
|1.25 | |||
|1.33 | |||
|1.92 | |||
|2.05 | |||
|} | |||
'''''หมายเหตุ''''' * มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7 เมื่อปลูกปลายฤดูฝนและต้นฤดูฝน มีปริมาณแป้งในหัวสด ผลผลิตหัวสด ผลผลิตแป้ง และผลผลิตมันเส้นที่สูงกว่าพันธุ์อื่นๆ |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:45, 1 กรกฎาคม 2564
การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญ ได้แก่ การเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับลักษณะดิน พื้นที่ปลูก ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ฤดูปลูก อายุเก็บเกี่ยว และระยะปลูก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง และลดต้นทุนการผลิต ดังนี้
พันธุ์กับชนิดของเนื้อดิน
ดินที่ใช้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ที่ปลูกกันโดยทั่วไปมักเป็นดินที่มีปฏิกิริยาเป็นกรด เนื้อหยาบ และมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เป็นดินทรายและดินร่วนปนทราย ที่มีปริมาณอินทรียวัตถุในดินต่ำถึงต่ำมากจึงมีการเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้เหมาะสมกับชนิดของเนื้อดินและความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่ออัตราการรอดหลังปลูกและผลผลิตที่สูงขึ้น ดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 พันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับชนิดของเนื้อดินแต่ละชนิด
ชนิดของเนื้อดิน | ลักษณะของเนื้อดิน | พันธุ์ที่เหมาะสม |
ดินทราย |
|
|
ดินร่วนปนทราย |
|
|
ดินร่วนปนเหนียว |
|
|
ดินด่างหรือดินที่มีปูนปะปน |
|
|
พันธุ์กับโซนพื้นที่ปลูก
การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้เหมาะกับพื้นที่ปลูกเป็นการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงและดูแลรักษาเพื่อปรับสภาพพื้นที่ปลูกให้เหมาะกับชนิดของพันธุ์นั้นๆ โดยการวางแผนผลิตมันสำปะหลังตามการแบ่งเขตการผลิตนิเวศน์เกษตรของกรมพัฒนาที่ดินได้แบ่งเขตการผลิตเป็น 7 เขต ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 สายพันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับโซนพื้นที่ต่างๆ
โซน | ภูมิภาค | จังหวัด | สายพันธุ์ที่เหมาะสม |
โซน1 | ภาคตะวันออก | ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, สระแก้ว, จันทบุรี, ระยอง และตราด |
|
โซน2 | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนล่างเขตอับฝน |
บุรีรัมย์, ชัยภูมิ และนครราชสีมา |
|
โซน3 | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนล่างและชายแม่น้ำโขง |
นครพนม, มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ และสุรินทร์ |
|
โซน4 | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนกลาง |
มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์ และขอนแก่น |
|
โซน5 | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนบน |
เลย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, หนองคาย และสกลนคร |
|
โซน6 | ภาคเหนือ | เชียงราย, อุดรดิตถ์, พิษณุโลก, นครสวรรค์, อุทัยธานี, กำแพงเพชร, เพชรบูรณ์, ตาก, สุโขทัย, แพร่, น่าน, ลำปาง, พะเยา และพิจิตร |
|
โซน7 | ภาคกลาง | สระบุรี, ลพบุรี, ชัยนาท, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี และเพชรบุรี |
|
พันธุ์กับฤดูปลูก
การปลูกมันสำปะหลังในประเทศไทย เกษตรกรสามารถเลือกปลูกได้ทั้งต้นฤดูฝน (กุมภาพันธ์ - เมษายน) และปลายฤดูฝน (พฤศจิกายน - มกราคม) มันสำปะหลังจะให้ผลผลิตหัวสดสูงสุดหากปลูกช่วงต้นฤดูฝน อย่างไรก็ตามการปลูกในช่วงปลายฝนหรือช่วงแล้ง สามารถลดปัญหาวัชพืช มีผลดีต่อการอนุรักษ์ดิน เนื่องจากช่วงแรกที่ปลูกแม้จะเติบโตช้า แต่ไม่มีฝนตกที่ทำให้เกิดการชะล้างของหน้าดิน เมื่อถึงฤดูฝนมันสำปะหลังจะเจริญเติบโตแผ่พุ่มใบทำให้ลดแรงปะทะจากฝน อีกทั้งมันสำปะหลังเป็นพืชที่สามารถทนแล้งได้ดี ซึ่งหลังจากปลูกและต้นพันธุ์สามารถตั้งตัวได้แล้ว เมื่อขาดฝนมันสำปะหลังจะลดพื้นที่ใบโดยการผลัดใบแก่และสร้างใบใหม่ให้น้อยลง ใบมีขนาดเล็กลง เพื่อลดการคายน้ำ โดยมันสำปะหลังแต่ละพันธุ์มีการตอบสนองต่อช่วงการปลูกและให้ผลผลิตที่ต่างกัน ดังตารางที่ 3
ตารางที่ 3 ปริมาณแป้งในหัวสด ผลผลิตหัวสด ผลผลิตแป้ง และผลผลิตมันเส้นของมันสำปะหลังแต่ละพันธุ์ เมื่อปลูกปลายฤดูฝนและต้นฤดูฝน
พันธุ์ | ปริมาณแป้งในหัวสด (%) | ผลผลิตหัวสด
(ตันต่อไร่) |
ผลผลิตแป้ง
(ตันต่อไร่) |
ผลผลิตมันเส้น
(ตันต่อไร่) | ||||
ปลายฝน | ต้นฝน | ปลายฝน | ต้นฝน | ปลายฝน | ต้นฝน | ปลายฝน | ต้นฝน | |
* ระยอง 7 | 27.6 | 27.2 | 6.30 | 6.36 | 1.77 | 1.73 | 2.43 | 2.36 |
ระยอง 90 | 26.8 | 25.8 | 5.26 | 5.14 | 1.42 | 1.33 | 1.99 | 1.91 |
ระยอง 5 | 24.7 | 25.0 | 5.36 | 5.27 | 1.33 | 1.32 | 1.95 | 1.92 |
เกษตรศาสตร์ 50 | 26.1 | 24.4 | 5.48 | 5.98 | 1.45 | 1.51 | 2.05 | 2.19 |
ระยอง 72 | 22.5 | 22.9 | 5.55 | 5.81 | 1.25 | 1.33 | 1.92 | 2.05 |
หมายเหตุ * มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7 เมื่อปลูกปลายฤดูฝนและต้นฤดูฝน มีปริมาณแป้งในหัวสด ผลผลิตหัวสด ผลผลิตแป้ง และผลผลิตมันเส้นที่สูงกว่าพันธุ์อื่นๆ