ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลือกพันธุ์ปลูก"

จาก Cassava
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
(สร้างหน้าด้วย "การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที...")
 
 
(ไม่แสดง 14 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 3 คน)
บรรทัดที่ 1: บรรทัดที่ 1:
การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญ ได้แก่ การเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับลักษณะดิน พื้นที่ปลูก ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ฤดูปลูก อายุเก็บเกี่ยว และระยะปลูก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง และลดต้นทุนการผลิต ดังนี้
การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญ ได้แก่ การเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับลักษณะดิน พื้นที่ปลูก ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ฤดูปลูก อายุเก็บเกี่ยว และระยะปลูก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง และลดต้นทุนการผลิต ดังนี้
== '''พันธุ์กับชนิดของเนื้อดิน''' ==
ดินที่ใช้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ที่ปลูกกันโดยทั่วไปมักเป็นดินที่มีปฏิกิริยาเป็นกรด เนื้อหยาบ และมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เป็นดินทรายและดินร่วนปนทราย ที่มีปริมาณอินทรียวัตถุในดินต่ำถึงต่ำมากจึงมีการเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้เหมาะสมกับชนิดของเนื้อดินและความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่ออัตราการรอดหลังปลูกและผลผลิตที่สูงขึ้น '''ดังตารางที่ 1'''
'''ตารางที่ 1''' พันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับชนิดของเนื้อดินแต่ละชนิด<ref name=":0">มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2556) เทคโนโลยี 52 สัปดาห์ มันสำปะหลัง. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์:กรุงเทพฯ.</ref>
{| class="wikitable"
|      '''ชนิดของเนื้อดิน'''
|                                          '''ลักษณะของเนื้อดิน'''
|      '''พันธุ์ที่เหมาะสม'''
|-
|ดินทราย
|
* เนื้อดินมีลักษณะหยาบ (ทรายจัด)
* ความอุดมสมบูรณ์ต่ำมาก
* การระบายน้ำดีมาก
* พบมากในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
* พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50    
* พันธุ์ระยอง  72
|-
|ดินร่วนปนทราย
|
* เนื้อดินค่อนข้างหยาบ
* ความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ
* การระบายน้ำดี
* พบมากในทุกภาค
|
* ระยอง 7 
* ระยอง 9
* ระยอง 90 
* เกษตรศาสตร์ 50 
* ห้วยบง 60 
* ระยอง 72 
|-
|ดินร่วนปนเหนียว
|
* เนื้อดินปานกลางถึงค่อนข้างละเอียด
* ความอุดมสมบูรณ์ปานกลางถึงค่อนข้างดี
* การระบายน้ำปานกลาง
* พบมากในทุกภาค
|
* ระยอง 5
* ระยอง 7 
* ระยอง 11 
* ห้วยบง 80 
|-
|ดินด่างหรือดินที่มีปูนปะปน
|
* เนื้อดินปานกลาง
* มีเม็ดปูนปะปนสะสมที่ความลึกตั้งแต่  50 – 100 เซนติเมตร
* ความอุดมสมบูรณ์ปานกลางถึงสูง
* การระบายน้ำปานกลางถึงดี
* มักมีปัญหาการขาดธาตุเหล็ก  สังกะสี กำมะถัน
* พบมากตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ภูเขาหินปูนในภาคกลาง ภาคตะวันตก  และภาคเหนือ
|
* ระยอง 11
* ระยอง 5
|}
== '''พันธุ์กับโซนพื้นที่ปลูก'''<ref>อนุสรณ์ สัจจะประภา. 2558. การศึกษาแนวทางการปฏิบัติที่ดีเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา.</ref> ==
การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้เหมาะกับพื้นที่ปลูกเป็นการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงและดูแลรักษาเพื่อปรับสภาพพื้นที่ปลูกให้เหมาะกับชนิดของพันธุ์นั้นๆ โดยการวางแผนผลิตมันสำปะหลังตามการแบ่งเขตการผลิตนิเวศน์เกษตรของกรมพัฒนาที่ดินได้แบ่งเขตการผลิตเป็น 7 เขต '''ดังตารางที่ 2'''
'''ตารางที่ 2''' สายพันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับโซนพื้นที่ต่างๆ
{| class="wikitable"
|'''โซน'''
|'''ภูมิภาค'''
|'''จังหวัด'''
|'''สายพันธุ์ที่เหมาะสม'''
|-
|โซน1
|ภาคตะวันออก
|ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, สระแก้ว, จันทบุรี, ระยอง และตราด
|
* ระยอง 5
* ระยอง 90
* เกษตรศาสตร์ 50
|-
|โซน2
|ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนล่างเขตอับฝน
|บุรีรัมย์, ชัยภูมิ และนครราชสีมา
|
* ระยอง 72
* ห้วยบง 60
* เกษตรศาสตร์ 50
|-
|โซน3
|ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนล่างและชายแม่น้ำโขง
|นครพนม, มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ, อุบลราชธานี,  ศรีสะเกษ และสุรินทร์
|
* ระยอง 5
* เกษตรศาสตร์ 50
|-
|โซน4
|ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนกลาง
|มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์  และขอนแก่น
|
* ระยอง 72
* ระยอง 7
* ระยอง 9
* ระยอง 11
* เกษตรศาสตร์ 50
|-
|โซน5
|ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตอนบน
|เลย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, หนองคาย และสกลนคร
|
* ระยอง 90
* ระยอง 5
* ระยอง 72
* ระยอง 9
* ระยอง 11
* เกษตรศาสตร์ 50
|-
|โซน6
|ภาคเหนือ
|เชียงราย, อุดรดิตถ์, พิษณุโลก, นครสวรรค์, อุทัยธานี,  กำแพงเพชร, เพชรบูรณ์, ตาก, สุโขทัย, แพร่, น่าน, ลำปาง, พะเยา และพิจิตร
|
* ระยอง 5
* ระยอง 7
* เกษตรศาสตร์ 50
|-
|โซน7
|ภาคกลาง
|สระบุรี,  ลพบุรี, ชัยนาท, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี และเพชรบุรี
|
* ระยอง 5
* ระยอง 90
* เกษตรศาสตร์ 50
|}
== '''พันธุ์กับฤดูปลูก  ''' ==
การปลูกมันสำปะหลังในประเทศไทย เกษตรกรสามารถเลือกปลูกได้ทั้งต้นฤดูฝน (กุมภาพันธ์ - เมษายน) และปลายฤดูฝน (พฤศจิกายน - มกราคม)<ref>วิจารณ์ วิชชุกิจ. 2551. เทคนิคการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังต่อไร่.<nowiki>https://www.tapiocathai.org/Articles/51_4.pdf</nowiki>. สืบค้นเมื่อ 8 พฤษภาคม 2564.</ref> มันสำปะหลังจะให้ผลผลิตหัวสดสูงสุดหากปลูกช่วงต้นฤดูฝน อย่างไรก็ตามการปลูกในช่วงปลายฝนหรือช่วงแล้ง สามารถลดปัญหาวัชพืช มีผลดีต่อการอนุรักษ์ดิน เนื่องจากช่วงแรกที่ปลูกแม้จะเติบโตช้า แต่ไม่มีฝนตกที่ทำให้เกิดการชะล้างของหน้าดิน เมื่อถึงฤดูฝนมันสำปะหลังจะเจริญเติบโตแผ่พุ่มใบทำให้ลดแรงปะทะจากฝน อีกทั้งมันสำปะหลังเป็นพืชที่สามารถทนแล้งได้ดี ซึ่งหลังจากปลูกและต้นพันธุ์สามารถตั้งตัวได้แล้ว เมื่อขาดฝนมันสำปะหลังจะลดพื้นที่ใบโดยการผลัดใบแก่และสร้างใบใหม่ให้น้อยลง ใบมีขนาดเล็กลง เพื่อลดการคายน้ำ โดยมันสำปะหลังแต่ละพันธุ์มีการตอบสนองต่อช่วงการปลูกและให้ผลผลิตที่ต่างกัน '''ดังตารางที่ 3'''
'''ตารางที่ 3'''<ref>[http://web.sut.ac.th/cassava/?name=11cas_research&file=readknowledge&id=61]</ref> ปริมาณแป้งในหัวสด ผลผลิตหัวสด ผลผลิตแป้ง และผลผลิตมันเส้นของมันสำปะหลังแต่ละพันธุ์ เมื่อปลูกปลายฤดูฝนและต้นฤดูฝน
{| class="wikitable"
| rowspan="2" |'''พันธุ์'''
| colspan="2" |'''ปริมาณแป้งในหัวสด (%)'''
| colspan="2" |'''ผลผลิตหัวสด'''
'''(ตันต่อไร่)'''
| colspan="2" |'''ผลผลิตแป้ง'''
'''(ตันต่อไร่)'''
| colspan="2" |'''ผลผลิตมันเส้น'''
'''(ตันต่อไร่)'''
|-
|'''ปลายฝน'''
|'''ต้นฝน'''
|'''ปลายฝน'''
|'''ต้นฝน'''
|'''ปลายฝน'''
|'''ต้นฝน'''
|'''ปลายฝน'''
|'''ต้นฝน'''
|-
|* ระยอง 7
|27.6
|27.2
|6.30
|6.36
|1.77
|1.73
|2.43
|2.36
|-
|ระยอง 90
|26.8
|25.8
|5.26
|5.14
|1.42
|1.33
|1.99
|1.91
|-
|ระยอง 5
|24.7
|25.0
|5.36
|5.27
|1.33
|1.32
|1.95
|1.92
|-
|เกษตรศาสตร์ 50
|26.1
|24.4
|5.48
|5.98
|1.45
|1.51
|2.05
|2.19
|-
|ระยอง 72
|22.5
|22.9
|5.55
|5.81
|1.25
|1.33
|1.92
|2.05
|}
''หมายเหตุ'' * มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7 เมื่อปลูกปลายฤดูฝนและต้นฤดูฝน มีปริมาณแป้งในหัวสด ผลผลิตหัวสด ผลผลิตแป้ง และผลผลิตมันเส้นที่สูงกว่าพันธุ์อื่นๆ
== '''พันธุ์กับอายุเก็บเกี่ยว''' ==
มันสำปะหลังเป็นพืชอายุยาวสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อใดก็ได้ แต่โดยปกติจะมีการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังมากในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม โดยเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - เดือนมีนาคมมากที่สุด ส่วนช่วงต้นฝนและกลางฝน (เมษายน - ตุลาคม) มีการเก็บเกี่ยวน้อยมาก อายุของมันสำปะหลังที่เกษตรกรทำการเก็บเกี่ยวมีอายุ 8 – 12 เดือน โดยเก็บเกี่ยวให้ทันเวลาที่จะเตรียมดินปลูกมันสำปะหลังในฤดูถัดไป นอกจากนี้มันสำปะหลังที่เก็บเกี่ยวเมื่ออายุได้ 12 เดือน ให้ผลผลิตหัวแห้งสูงกว่าเมื่ออายุ 8 เดือน ไม่ว่าจะปลูกเดือนใดก็ตาม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้เกษตรกรตัดสินใจเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้แก่ ราคาหัวมันสำปะหลัง ฐานะทางเศรษฐกิจ ฤดูกาล แรงงานและที่สำคัญ คือ พันธุ์ที่ปลูก '''ดังตารางที่ 4'''
'''ตารางที่ 4'''<ref name=":0" /> พันธุ์ที่เหมาะสมกับอายุเก็บเกี่ยวที่ต่างกัน
{| class="wikitable"
|'''อายุเก็บเกี่ยว'''
|'''พันธุ์ที่เหมาะสม'''
|-
|8 – 12 เดือน
|
* ระยอง 90 
* ระยอง 7 
* ระยอง 5 
* เกษตรศาสตร์ 50                 
* ห้วยบง 60 
* ห้วยบง 80
|-
|มากกว่า 12 เดือน
|
* ระยอง 9 
* ระยอง 11
|}
== '''พันธุ์กับระยะปลูก''' ==
การปลูกมันสำปะหลังมีระยะปลูกที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับพันธุ์และความอุดมสมบูรณ์ของดิน  ระยะปลูกที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกโดยทั่วไปตามมาตรฐานคือ 1.00 X 1.00 เมตร ในปัจจุบันพบว่า ระยะปลูกมันสำปะหลังใช้ระยะระหว่างแถวและระยะระหว่างต้นแคบลง เช่น 0.80 X 0.80  1.00 X 0.50 และ 1.00 X 0.80 เมตร เป็นต้น เนื่องจากการใช้ระยะปลูกที่แคบลงเป็นผลมาจากความต้องการให้มันสำปะหลังเติบโตคลุมพื้นที่ปลูกมากขึ้น เพื่อลดปัญหาในการกำจัดวัชพืช และให้ได้จำนวนหัวต่อพื้นที่มากขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตต่อพื้นที่สูง ส่วนการปลูกในระยะที่มากกว่า 1.00 เมตร เพื่อให้สะดวกต่อการใช้เครื่องจักรกล และระบบการปลูกพืชแซม โดยการปลูกพืชแซมสามารถช่วยรักษาอินทรีย์วัตถุในดินได้ยาวนานกว่า ลดการไหล่บ่าของน้ำ และลดการชะล้างพังทลายของดินบนพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังที่มีความลาดเอียง โดยเกษตรกรสามารถพิจารณาระยะปลูกตามความเหมาะสมของพันธุ์มันสำปะหลัง '''ดังตารางที่ 5'''
'''ตารางที่ 5'''<ref name=":0" /> พันธุ์ที่เหมาะสมกับระยะปลูกที่ต่างกัน
{| class="wikitable"
|'''ระยะปลูก'''
'''(ระหว่างแถว X ระหว่างต้น)'''
|'''พันธุ์ที่เหมาะสม'''
|-
|0.80 x 0.80 เมตร
|
* ห้วยบง 80 
* ระยอง 5 
* ระยอง 72
|-
|1.00 x 0.50 เมตร
|
* ระยอง 5 
|-
|1.00 x 0.80 เมตร
|
* ทุกพันธุ์
* สำหรับพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 ใช้ในกรณีดินที่อุดมสมบูรณ์  ปานกลางถึงต่ำ
|-
|1.20 x 0.60 เมตร
|
* เกษตรศาสตร์ 50 
* ห้วยบง  80 
|-
|1.20 x 0.80 หรือ1.00 x 1.00 เมตร
|
* ทุกพันธุ์
* สำหรับเกษตรศาสตร์ 50 ใช้ในกรณีดินอุดมสมบูรณ์
* สำหรับห้วยบง 60 ควรปลูกด้วยระยะที่กว้างกว่า 1.00 x  1.00 หรือ 1.20 x 0.80
|-
|1.20 x 1.00 เมตร
|
* ไม่เหมาะกับพันธุ์ระยอง 5  ระยอง 72  และระยอง 7
* ส่วนพันธุ์อื่น ๆ จะปลูกได้หากดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง 
|-
|1.20 x 1.20 เมตร
|
* ห้วยบง 60
* เกษตรศาสตร์ 50 ปลูกในดินอุดมสมบูรณ์สูง
|}
== '''อ้างอิง''' ==

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 08:03, 30 พฤศจิกายน 2564

การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญ ได้แก่ การเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับลักษณะดิน พื้นที่ปลูก ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ฤดูปลูก อายุเก็บเกี่ยว และระยะปลูก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง และลดต้นทุนการผลิต ดังนี้

พันธุ์กับชนิดของเนื้อดิน[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

ดินที่ใช้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ที่ปลูกกันโดยทั่วไปมักเป็นดินที่มีปฏิกิริยาเป็นกรด เนื้อหยาบ และมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เป็นดินทรายและดินร่วนปนทราย ที่มีปริมาณอินทรียวัตถุในดินต่ำถึงต่ำมากจึงมีการเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้เหมาะสมกับชนิดของเนื้อดินและความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่ออัตราการรอดหลังปลูกและผลผลิตที่สูงขึ้น ดังตารางที่ 1

ตารางที่ 1 พันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับชนิดของเนื้อดินแต่ละชนิด[1]

ชนิดของเนื้อดิน ลักษณะของเนื้อดิน พันธุ์ที่เหมาะสม
ดินทราย
  • เนื้อดินมีลักษณะหยาบ (ทรายจัด)
  • ความอุดมสมบูรณ์ต่ำมาก
  • การระบายน้ำดีมาก
  • พบมากในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
  • พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50    
  • พันธุ์ระยอง 72
ดินร่วนปนทราย
  • เนื้อดินค่อนข้างหยาบ
  • ความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ
  • การระบายน้ำดี
  • พบมากในทุกภาค
  • ระยอง 7 
  • ระยอง 9
  • ระยอง 90 
  • เกษตรศาสตร์ 50 
  • ห้วยบง 60 
  • ระยอง 72 
ดินร่วนปนเหนียว
  • เนื้อดินปานกลางถึงค่อนข้างละเอียด
  • ความอุดมสมบูรณ์ปานกลางถึงค่อนข้างดี
  • การระบายน้ำปานกลาง
  • พบมากในทุกภาค
  • ระยอง 5
  • ระยอง 7 
  • ระยอง 11 
  • ห้วยบง 80 
ดินด่างหรือดินที่มีปูนปะปน
  • เนื้อดินปานกลาง
  • มีเม็ดปูนปะปนสะสมที่ความลึกตั้งแต่ 50 – 100 เซนติเมตร
  • ความอุดมสมบูรณ์ปานกลางถึงสูง
  • การระบายน้ำปานกลางถึงดี
  • มักมีปัญหาการขาดธาตุเหล็ก สังกะสี กำมะถัน
  • พบมากตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ภูเขาหินปูนในภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคเหนือ
  • ระยอง 11
  • ระยอง 5

พันธุ์กับโซนพื้นที่ปลูก[2][แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

การเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้เหมาะกับพื้นที่ปลูกเป็นการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงและดูแลรักษาเพื่อปรับสภาพพื้นที่ปลูกให้เหมาะกับชนิดของพันธุ์นั้นๆ โดยการวางแผนผลิตมันสำปะหลังตามการแบ่งเขตการผลิตนิเวศน์เกษตรของกรมพัฒนาที่ดินได้แบ่งเขตการผลิตเป็น 7 เขต ดังตารางที่ 2

ตารางที่ 2 สายพันธุ์มันสำปะหลังที่เหมาะสมกับโซนพื้นที่ต่างๆ

โซน ภูมิภาค จังหวัด สายพันธุ์ที่เหมาะสม
โซน1 ภาคตะวันออก ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, สระแก้ว, จันทบุรี, ระยอง และตราด
  • ระยอง 5
  • ระยอง 90
  • เกษตรศาสตร์ 50
โซน2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ตอนล่างเขตอับฝน

บุรีรัมย์, ชัยภูมิ และนครราชสีมา
  • ระยอง 72
  • ห้วยบง 60
  • เกษตรศาสตร์ 50
โซน3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ตอนล่างและชายแม่น้ำโขง

นครพนม, มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ และสุรินทร์
  • ระยอง 5
  • เกษตรศาสตร์ 50
โซน4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ตอนกลาง

มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์ และขอนแก่น
  • ระยอง 72
  • ระยอง 7
  • ระยอง 9
  • ระยอง 11
  • เกษตรศาสตร์ 50
โซน5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ตอนบน

เลย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, หนองคาย และสกลนคร
  • ระยอง 90
  • ระยอง 5
  • ระยอง 72
  • ระยอง 9
  • ระยอง 11
  • เกษตรศาสตร์ 50
โซน6 ภาคเหนือ เชียงราย, อุดรดิตถ์, พิษณุโลก, นครสวรรค์, อุทัยธานี, กำแพงเพชร, เพชรบูรณ์, ตาก, สุโขทัย, แพร่, น่าน, ลำปาง, พะเยา และพิจิตร
  • ระยอง 5
  • ระยอง 7
  • เกษตรศาสตร์ 50
โซน7 ภาคกลาง สระบุรี, ลพบุรี, ชัยนาท, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี และเพชรบุรี
  • ระยอง 5
  • ระยอง 90
  • เกษตรศาสตร์ 50

พันธุ์กับฤดูปลูก  [แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

การปลูกมันสำปะหลังในประเทศไทย เกษตรกรสามารถเลือกปลูกได้ทั้งต้นฤดูฝน (กุมภาพันธ์ - เมษายน) และปลายฤดูฝน (พฤศจิกายน - มกราคม)[3] มันสำปะหลังจะให้ผลผลิตหัวสดสูงสุดหากปลูกช่วงต้นฤดูฝน อย่างไรก็ตามการปลูกในช่วงปลายฝนหรือช่วงแล้ง สามารถลดปัญหาวัชพืช มีผลดีต่อการอนุรักษ์ดิน เนื่องจากช่วงแรกที่ปลูกแม้จะเติบโตช้า แต่ไม่มีฝนตกที่ทำให้เกิดการชะล้างของหน้าดิน เมื่อถึงฤดูฝนมันสำปะหลังจะเจริญเติบโตแผ่พุ่มใบทำให้ลดแรงปะทะจากฝน อีกทั้งมันสำปะหลังเป็นพืชที่สามารถทนแล้งได้ดี ซึ่งหลังจากปลูกและต้นพันธุ์สามารถตั้งตัวได้แล้ว เมื่อขาดฝนมันสำปะหลังจะลดพื้นที่ใบโดยการผลัดใบแก่และสร้างใบใหม่ให้น้อยลง ใบมีขนาดเล็กลง เพื่อลดการคายน้ำ โดยมันสำปะหลังแต่ละพันธุ์มีการตอบสนองต่อช่วงการปลูกและให้ผลผลิตที่ต่างกัน ดังตารางที่ 3

ตารางที่ 3[4] ปริมาณแป้งในหัวสด ผลผลิตหัวสด ผลผลิตแป้ง และผลผลิตมันเส้นของมันสำปะหลังแต่ละพันธุ์ เมื่อปลูกปลายฤดูฝนและต้นฤดูฝน

พันธุ์ ปริมาณแป้งในหัวสด (%) ผลผลิตหัวสด

(ตันต่อไร่)

ผลผลิตแป้ง

(ตันต่อไร่)

ผลผลิตมันเส้น

(ตันต่อไร่)

ปลายฝน ต้นฝน ปลายฝน ต้นฝน ปลายฝน ต้นฝน ปลายฝน ต้นฝน
* ระยอง 7 27.6 27.2 6.30 6.36 1.77 1.73 2.43 2.36
ระยอง 90 26.8 25.8 5.26 5.14 1.42 1.33 1.99 1.91
ระยอง 5 24.7 25.0 5.36 5.27 1.33 1.32 1.95 1.92
เกษตรศาสตร์ 50 26.1 24.4 5.48 5.98 1.45 1.51 2.05 2.19
ระยอง 72 22.5 22.9 5.55 5.81 1.25 1.33 1.92 2.05

หมายเหตุ * มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7 เมื่อปลูกปลายฤดูฝนและต้นฤดูฝน มีปริมาณแป้งในหัวสด ผลผลิตหัวสด ผลผลิตแป้ง และผลผลิตมันเส้นที่สูงกว่าพันธุ์อื่นๆ

พันธุ์กับอายุเก็บเกี่ยว[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

มันสำปะหลังเป็นพืชอายุยาวสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อใดก็ได้ แต่โดยปกติจะมีการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังมากในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม โดยเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - เดือนมีนาคมมากที่สุด ส่วนช่วงต้นฝนและกลางฝน (เมษายน - ตุลาคม) มีการเก็บเกี่ยวน้อยมาก อายุของมันสำปะหลังที่เกษตรกรทำการเก็บเกี่ยวมีอายุ 8 – 12 เดือน โดยเก็บเกี่ยวให้ทันเวลาที่จะเตรียมดินปลูกมันสำปะหลังในฤดูถัดไป นอกจากนี้มันสำปะหลังที่เก็บเกี่ยวเมื่ออายุได้ 12 เดือน ให้ผลผลิตหัวแห้งสูงกว่าเมื่ออายุ 8 เดือน ไม่ว่าจะปลูกเดือนใดก็ตาม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้เกษตรกรตัดสินใจเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้แก่ ราคาหัวมันสำปะหลัง ฐานะทางเศรษฐกิจ ฤดูกาล แรงงานและที่สำคัญ คือ พันธุ์ที่ปลูก ดังตารางที่ 4

ตารางที่ 4[1] พันธุ์ที่เหมาะสมกับอายุเก็บเกี่ยวที่ต่างกัน

อายุเก็บเกี่ยว พันธุ์ที่เหมาะสม
8 – 12 เดือน
  • ระยอง 90 
  • ระยอง 7 
  • ระยอง 5 
  • เกษตรศาสตร์ 50                 
  • ห้วยบง 60 
  • ห้วยบง 80
มากกว่า 12 เดือน
  • ระยอง 9 
  • ระยอง 11

พันธุ์กับระยะปลูก[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

การปลูกมันสำปะหลังมีระยะปลูกที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับพันธุ์และความอุดมสมบูรณ์ของดิน  ระยะปลูกที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกโดยทั่วไปตามมาตรฐานคือ 1.00 X 1.00 เมตร ในปัจจุบันพบว่า ระยะปลูกมันสำปะหลังใช้ระยะระหว่างแถวและระยะระหว่างต้นแคบลง เช่น 0.80 X 0.80 1.00 X 0.50 และ 1.00 X 0.80 เมตร เป็นต้น เนื่องจากการใช้ระยะปลูกที่แคบลงเป็นผลมาจากความต้องการให้มันสำปะหลังเติบโตคลุมพื้นที่ปลูกมากขึ้น เพื่อลดปัญหาในการกำจัดวัชพืช และให้ได้จำนวนหัวต่อพื้นที่มากขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตต่อพื้นที่สูง ส่วนการปลูกในระยะที่มากกว่า 1.00 เมตร เพื่อให้สะดวกต่อการใช้เครื่องจักรกล และระบบการปลูกพืชแซม โดยการปลูกพืชแซมสามารถช่วยรักษาอินทรีย์วัตถุในดินได้ยาวนานกว่า ลดการไหล่บ่าของน้ำ และลดการชะล้างพังทลายของดินบนพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังที่มีความลาดเอียง โดยเกษตรกรสามารถพิจารณาระยะปลูกตามความเหมาะสมของพันธุ์มันสำปะหลัง ดังตารางที่ 5

ตารางที่ 5[1] พันธุ์ที่เหมาะสมกับระยะปลูกที่ต่างกัน

ระยะปลูก

(ระหว่างแถว X ระหว่างต้น)

พันธุ์ที่เหมาะสม
0.80 x 0.80 เมตร
  • ห้วยบง 80 
  • ระยอง 5 
  • ระยอง 72
1.00 x 0.50 เมตร
  • ระยอง 5 
1.00 x 0.80 เมตร
  • ทุกพันธุ์
  • สำหรับพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 ใช้ในกรณีดินที่อุดมสมบูรณ์  ปานกลางถึงต่ำ
1.20 x 0.60 เมตร
  • เกษตรศาสตร์ 50 
  • ห้วยบง 80 
1.20 x 0.80 หรือ1.00 x 1.00 เมตร
  • ทุกพันธุ์
  • สำหรับเกษตรศาสตร์ 50 ใช้ในกรณีดินอุดมสมบูรณ์
  • สำหรับห้วยบง 60 ควรปลูกด้วยระยะที่กว้างกว่า 1.00 x 1.00 หรือ 1.20 x 0.80
1.20 x 1.00 เมตร
  • ไม่เหมาะกับพันธุ์ระยอง 5  ระยอง 72  และระยอง 7
  • ส่วนพันธุ์อื่น ๆ จะปลูกได้หากดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง
1.20 x 1.20 เมตร
  • ห้วยบง 60
  • เกษตรศาสตร์ 50 ปลูกในดินอุดมสมบูรณ์สูง

อ้างอิง[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

  1. 1.0 1.1 1.2 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2556) เทคโนโลยี 52 สัปดาห์ มันสำปะหลัง. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์:กรุงเทพฯ.
  2. อนุสรณ์ สัจจะประภา. 2558. การศึกษาแนวทางการปฏิบัติที่ดีเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา.
  3. วิจารณ์ วิชชุกิจ. 2551. เทคนิคการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังต่อไร่.https://www.tapiocathai.org/Articles/51_4.pdf. สืบค้นเมื่อ 8 พฤษภาคม 2564.
  4. [1]