134
การแก้ไข
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
ในการปลูกมันสำปะหลังในช่วงระยะเวลา 1 ปี มีศัตรูพืชเข้าขัดขวางการเจริญของมันสำปะหลังหลากหลายชนิด ดังเช่นเชื้อโรค แมลง และวัชพืช เมื่อเข้าทำลายส่งผลให้มีปริมาณผลผลิตลดลงหรือพืชเกิดอาการผิดปกติ ดังนั้นในการควบคุมโรค แมลง และวัชพืช ดังกล่าวจึงมีด้วยกันหลายวิธีทั้งการใช้สารเคมีในการควบคุมหรือการควบคุมทางชีวภาพ โดยมีการจำแนกดังนี้ | ในการปลูกมันสำปะหลังในช่วงระยะเวลา 1 ปี มีศัตรูพืชเข้าขัดขวางการเจริญของมันสำปะหลังหลากหลายชนิด ดังเช่นเชื้อโรค แมลง และวัชพืช เมื่อเข้าทำลายส่งผลให้มีปริมาณผลผลิตลดลงหรือพืชเกิดอาการผิดปกติ ดังนั้นในการควบคุมโรค แมลง และวัชพืช ดังกล่าวจึงมีด้วยกันหลายวิธีทั้งการใช้สารเคมีในการควบคุมหรือการควบคุมทางชีวภาพ โดยมีการจำแนกดังนี้ | ||
== การจำแนกสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช == | == '''การจำแนกสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช''' == | ||
# การจำแนกตามชนิดของศัตรูพืชที่ต้องการควบคุม | # การจำแนกตามชนิดของศัตรูพืชที่ต้องการควบคุม | ||
บรรทัดที่ 16: | บรรทัดที่ 16: | ||
##เชื้อจุลินทรีย์ (Microbial Pesticides) เป็นสารป้องกันและกำจัดศัตรูพืชที่ได้มาจากจุลินทรีย์ต่างๆ ได้แก่ เชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืช ในกลุ่มนี้ได้แก่ เชื้อไวรัส Nuclear Polyhedriosis Virus (NPV) เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า เชื้อราบิวเวอเรีย เป็นต้น | ##เชื้อจุลินทรีย์ (Microbial Pesticides) เป็นสารป้องกันและกำจัดศัตรูพืชที่ได้มาจากจุลินทรีย์ต่างๆ ได้แก่ เชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืช ในกลุ่มนี้ได้แก่ เชื้อไวรัส Nuclear Polyhedriosis Virus (NPV) เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า เชื้อราบิวเวอเรีย เป็นต้น | ||
== การใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้อง == | == '''การใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้อง''' == | ||
ในการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในแปลงปลูกสิ่งที่ต้องคำนึงในระดับต้นคือความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในแปลง โดยสารเคมีที่ใช้ส่งผลต่อมนุษย์ได้หลายระดับ อาจส่งผลต่อสุขภาพในอนาคตได้ ดังนั้นควรมีข้อปฏิบัติดังนี้ | ในการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในแปลงปลูกสิ่งที่ต้องคำนึงในระดับต้นคือความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในแปลง โดยสารเคมีที่ใช้ส่งผลต่อมนุษย์ได้หลายระดับ อาจส่งผลต่อสุขภาพในอนาคตได้ ดังนั้นควรมีข้อปฏิบัติดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 33: | บรรทัดที่ 33: | ||
# ภาชนะบรรจุสารกำจัดศัตรูพืชเมื่อใช้หมดแล้วให้ทำลาย (ฤทธิชาติ, ม.ป.พ.) | # ภาชนะบรรจุสารกำจัดศัตรูพืชเมื่อใช้หมดแล้วให้ทำลาย (ฤทธิชาติ, ม.ป.พ.) | ||
== การใช้สารเคมีอย่างมีประสิทธิภาพ == | == '''การใช้สารเคมีอย่างมีประสิทธิภาพ''' == | ||
# ใช้ในอัตราส่วน ช่วงเวลาการใช้ และจำนวนครั้งตามคำแนะนำหน้าฉลาก | # ใช้ในอัตราส่วน ช่วงเวลาการใช้ และจำนวนครั้งตามคำแนะนำหน้าฉลาก | ||
# ใช้สารเคมีให้ตรงกับชนิดของศัตรูพืช ถูกประเภท และถูกวิธี | # ใช้สารเคมีให้ตรงกับชนิดของศัตรูพืช ถูกประเภท และถูกวิธี | ||
== สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช == | == '''สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช''' == | ||
แบ่งออกได้ 3 หัวข้อหลัก ดังนี้ | แบ่งออกได้ 3 หัวข้อหลัก ดังนี้ | ||
=== สารเคมีป้องกันกำจัดแมลง === | |||
== การแบ่งกลุ่มของสารฆ่าแมลงตามช่องทางการเข้าทำลาย == | |||
==== การแบ่งกลุ่มของสารฆ่าแมลงตามช่องทางการเข้าทำลาย ==== | |||
สารฆ่าแมลงในที่นี้จะรวมทั้งสารกำจัดไรศัตรูพืชด้วย เนื่องจากมีสารฆ่าแมลงบางชนิดสามารถใช้กำจัดไรศัตรูพืชได้ด้วย เนื่องจากไรจัดอยู่ในกลุ่มแมล สัตว์มี 8 ขา ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อควรอ่านฉลากให้ดีว่าสามารถใช้กับชนิดของศัตรูพืชใดได้บ้าง แบ่งตามลักษณะการเข้าทำลายดังนี้ | สารฆ่าแมลงในที่นี้จะรวมทั้งสารกำจัดไรศัตรูพืชด้วย เนื่องจากมีสารฆ่าแมลงบางชนิดสามารถใช้กำจัดไรศัตรูพืชได้ด้วย เนื่องจากไรจัดอยู่ในกลุ่มแมล สัตว์มี 8 ขา ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อควรอ่านฉลากให้ดีว่าสามารถใช้กับชนิดของศัตรูพืชใดได้บ้าง แบ่งตามลักษณะการเข้าทำลายดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 49: | บรรทัดที่ 50: | ||
## ทางราก (Passing the root) กลุ่มสาร Neonicotinoids นีโอนิโคตินอยด์ มีประสิทธิภาพในการกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ด้วย เป็นสารฆ่าแมลงกลุ่มหนึ่งซึ่งมีการเข้าทำลายแมลงที่ระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้แมลงเป็นอัมพาตและตายภายใน 2-3 ชั่วโมง คล้ายกับสารนิโคตินซึ่งได้จากธรรมชาติ มีผลน้อยต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่มีพิษต่อผึ้งสูง สารไทอะมีโธแซมมีสูตรโครงสร้างแตกต่างจากสารนีโอนิโคตินอยด์อื่นๆเล็กน้อย โดยมีการละลายน้ำสูง และสามารถดูดซึมในลำต้นพืชได้ทันที | ## ทางราก (Passing the root) กลุ่มสาร Neonicotinoids นีโอนิโคตินอยด์ มีประสิทธิภาพในการกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้ด้วย เป็นสารฆ่าแมลงกลุ่มหนึ่งซึ่งมีการเข้าทำลายแมลงที่ระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้แมลงเป็นอัมพาตและตายภายใน 2-3 ชั่วโมง คล้ายกับสารนิโคตินซึ่งได้จากธรรมชาติ มีผลน้อยต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่มีพิษต่อผึ้งสูง สารไทอะมีโธแซมมีสูตรโครงสร้างแตกต่างจากสารนีโอนิโคตินอยด์อื่นๆเล็กน้อย โดยมีการละลายน้ำสูง และสามารถดูดซึมในลำต้นพืชได้ทันที | ||
## ทางใบ (Passing the leaf) ได้แก่สารส่วนใหญ่ในกลุ่มออร์แกนโนฟอสเฟต (Organophosphate) คาร์บาเมท (Carbamate) เช่น ไดเมโทเอต dimethoate, พิริมิคาร์บ pirimicarb และ ออกซามิล oxamyl เป็นต้น สารบางชนิดออกฤทธิ์แบบแทรกซึม ส่วนใหญ่มีการเคลื่นที่เป็นระยะทางสั้นๆ จากจุดที่พ่น เช่นเคลื่อนที่แทรกซึมผ่านผิวใบจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง เช่น อะบาเม็กติน abamectin, ไพรีพรอกซีนเฟน pyriproxyfen เป็นต้น | ## ทางใบ (Passing the leaf) ได้แก่สารส่วนใหญ่ในกลุ่มออร์แกนโนฟอสเฟต (Organophosphate) คาร์บาเมท (Carbamate) เช่น ไดเมโทเอต dimethoate, พิริมิคาร์บ pirimicarb และ ออกซามิล oxamyl เป็นต้น สารบางชนิดออกฤทธิ์แบบแทรกซึม ส่วนใหญ่มีการเคลื่นที่เป็นระยะทางสั้นๆ จากจุดที่พ่น เช่นเคลื่อนที่แทรกซึมผ่านผิวใบจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง เช่น อะบาเม็กติน abamectin, ไพรีพรอกซีนเฟน pyriproxyfen เป็นต้น | ||
## สารประเภทสารรม (Fumigant) สารเคมีกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการระเหยเป็นไอได้ดี โดยทั่วไปไม่สามารถนำมาฉีดพ่นได้ มักใช้ในโรงเก็บที่มีผ้าใบ หรือพลาสติกคลุมมิดชิด เช่น เมทิลโบร์ไมด์ Methyl bromide, อลูมิเนียมฟอสไฟด์ Aluminium phosphide และ แมกนีเซียมฟอสไฟล์ Magnesium phosphide (พิสุทธิ์, 2563)<ref>พิสุทธ์ เอกอำนวย. 2563. โรคและแมลงศัตรูพืชที่สำคัญ. พิมพ์ครั้งที่ 7. สายธุรกิจโรงพิมพ์, กรุงเทพฯ, 1005 หน้า.</ref> | ## สารประเภทสารรม (Fumigant) สารเคมีกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการระเหยเป็นไอได้ดี โดยทั่วไปไม่สามารถนำมาฉีดพ่นได้ มักใช้ในโรงเก็บที่มีผ้าใบ หรือพลาสติกคลุมมิดชิด เช่น เมทิลโบร์ไมด์ Methyl bromide, อลูมิเนียมฟอสไฟด์ Aluminium phosphide และ แมกนีเซียมฟอสไฟล์ Magnesium phosphide (พิสุทธิ์, 2563)<ref>พิสุทธ์ เอกอำนวย. 2563. โรคและแมลงศัตรูพืชที่สำคัญ. พิมพ์ครั้งที่ 7. สายธุรกิจโรงพิมพ์, กรุงเทพฯ, 1005 หน้า.</ref><br /> | ||
=== สารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช === | |||
แบ่งกลุ่มสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามคุณสมบัติดังนี้ | แบ่งกลุ่มสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามคุณสมบัติดังนี้ | ||
== ตามการออกฤทธิ์ต่อเชื้อสาเหตุโรคพืชแต่ละชนิด == | ==== ตามการออกฤทธิ์ต่อเชื้อสาเหตุโรคพืชแต่ละชนิด ==== | ||
เนื่องจากโรคพืชที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตจะเกิดจากเชื้อจุลินทรีย์หลัก จึงมีการแบ่งประเภทสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามชนิดของเชื้อสาเหตุโรคพืชต่างๆ ดังนี้ | เนื่องจากโรคพืชที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตจะเกิดจากเชื้อจุลินทรีย์หลัก จึงมีการแบ่งประเภทสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามชนิดของเชื้อสาเหตุโรคพืชต่างๆ ดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 69: | บรรทัดที่ 63: | ||
# สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อไวรัส | # สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อไวรัส | ||
== การแบ่งประเภทสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามบทบาทในการป้องกันกำจัดโรคพืช == | ==== การแบ่งประเภทสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามบทบาทในการป้องกันกำจัดโรคพืช ==== | ||
# สารที่มีคุณสมบัติป้องกัน (Preventative activity) คือสารเคมีที่มีคุณสมบัติป้องกันไม่ให้เชื้อสาเหตุโรคพืชเข้าทำลาย โดยเมื่อฉีดพ่นสารเหล่านี้จะอยู่ที่ใบ เมื่อสปอร์เชื้อราตกลงบนใบพืชและงอกเป็น germ tube มาสัมผัสกับสารในกลุ่มนี้ที่อยู่บนใบ germ tube จะตายหรือไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ | # สารที่มีคุณสมบัติป้องกัน (Preventative activity) คือสารเคมีที่มีคุณสมบัติป้องกันไม่ให้เชื้อสาเหตุโรคพืชเข้าทำลาย โดยเมื่อฉีดพ่นสารเหล่านี้จะอยู่ที่ใบ เมื่อสปอร์เชื้อราตกลงบนใบพืชและงอกเป็น germ tube มาสัมผัสกับสารในกลุ่มนี้ที่อยู่บนใบ germ tube จะตายหรือไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ | ||
บรรทัดที่ 75: | บรรทัดที่ 69: | ||
# สารที่มีคุณสมบัติกำจัด (Eradicative activity) สารกลุ่มนี้มีความสามารถในการดูดซึมเข้าไปในเซลล์พืชและเคลื่อนที่ได้ในระยะใกล้ภายในใบ หรือระยะไกลสู่ยอดหรือราก สารชนิดนี้สามารถยับยั้งการพัฒนาของโรค ยับยั้งการเจริญของเชื้อในเซลล์พืช ยับยั้งการสร้างสปอร์หรือส่วนขยายพันธุ์ จำทำให้ลดการแพร่กระจายของเชื้อสาเหตุโรคพืชได้ด้วย | # สารที่มีคุณสมบัติกำจัด (Eradicative activity) สารกลุ่มนี้มีความสามารถในการดูดซึมเข้าไปในเซลล์พืชและเคลื่อนที่ได้ในระยะใกล้ภายในใบ หรือระยะไกลสู่ยอดหรือราก สารชนิดนี้สามารถยับยั้งการพัฒนาของโรค ยับยั้งการเจริญของเชื้อในเซลล์พืช ยับยั้งการสร้างสปอร์หรือส่วนขยายพันธุ์ จำทำให้ลดการแพร่กระจายของเชื้อสาเหตุโรคพืชได้ด้วย | ||
== การแบ่งประเภทของสารเคมีตามคุณสมบัติการเคลื่อนย้ายในพืช == | ==== การแบ่งประเภทของสารเคมีตามคุณสมบัติการเคลื่อนย้ายในพืช ==== | ||
# สารประเภทสัมผัสตาย (Contact fungicides) สารประเภทนี้เมื่อฉีดพ่นสารจะตกค้างอยู่ที่ผิวใบ เมื่อสปอร์ตกลงบนใบเมื่องอก germ tube จะตายหรือไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ | # สารประเภทสัมผัสตาย (Contact fungicides) สารประเภทนี้เมื่อฉีดพ่นสารจะตกค้างอยู่ที่ผิวใบ เมื่อสปอร์ตกลงบนใบเมื่องอก germ tube จะตายหรือไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ | ||
บรรทัดที่ 86: | บรรทัดที่ 80: | ||
# สารชนิดไม่ดูดซึม (Non-systemic fungicides) เป็นสารที่มีคุณสมบัติป้องกัน เมื่อฉีดพ่นสารจะอยู่ที่ผิวใบไม่สามารถแทรกซึมหรือถูกดูดซึมเข้าสู่ภายในต้นพืช การแพร่กระจายของสารอาจเกิดขึ้นพียงเล็กน้อยในรูปของไอระเหยหรือโดยการไหลไปตามน้ำ | # สารชนิดไม่ดูดซึม (Non-systemic fungicides) เป็นสารที่มีคุณสมบัติป้องกัน เมื่อฉีดพ่นสารจะอยู่ที่ผิวใบไม่สามารถแทรกซึมหรือถูกดูดซึมเข้าสู่ภายในต้นพืช การแพร่กระจายของสารอาจเกิดขึ้นพียงเล็กน้อยในรูปของไอระเหยหรือโดยการไหลไปตามน้ำ | ||
== การแบ่งประเภทสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามกลไกการออกฤทธิ์ในกิจกรรมเมตาบอไลต์ในเซลล์ของเชื้อสาเหตุโรคพืช (Breadth of metabolic activity) == | ==== การแบ่งประเภทสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามกลไกการออกฤทธิ์ในกิจกรรมเมตาบอไลต์ในเซลล์ของเชื้อสาเหตุโรคพืช (Breadth of metabolic activity) ==== | ||
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ | แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ | ||
บรรทัดที่ 92: | บรรทัดที่ 86: | ||
# สารที่มีกลไกออกฤทธิ์ยับยั้งหลายจุด (Multi-site fungicides) สารในกลุ่มนี้สามารถเข้าขัดขวางหรือยับยั้งการทำงานของเอนไซม์หลายชนิดหรือส่งผลต่อกิจกรรมเมตาบอไลต์ภายในเซลล์ของเชื้อสาเหตุได้หลายกิจกรรมในเวลาเดียวกัน | # สารที่มีกลไกออกฤทธิ์ยับยั้งหลายจุด (Multi-site fungicides) สารในกลุ่มนี้สามารถเข้าขัดขวางหรือยับยั้งการทำงานของเอนไซม์หลายชนิดหรือส่งผลต่อกิจกรรมเมตาบอไลต์ภายในเซลล์ของเชื้อสาเหตุได้หลายกิจกรรมในเวลาเดียวกัน | ||
== การแบ่งกลุ่มสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามการจัดกลุ่มโดยคณะกรรมการติดตามการต้านทานสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช (Fungicides resistance action committee, FRAC) == | ==== การแบ่งกลุ่มสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามการจัดกลุ่มโดยคณะกรรมการติดตามการต้านทานสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช (Fungicides resistance action committee, FRAC) ==== | ||
โดยองค์กร FRAC ได้จัดกลุ่มสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามคุณสมบัติทางเคมีของสารแต่ละชนิด โดยจัดแบ่งกลุ่มเป็น FRAC 1-46 และ FRAC M รวมทั้งจัดกลุ่มตามกลไกการออกฤทธิ์ (Mode of action) เพื่อใช้ประกอบคำแนะนำในการใช้สารป้องกันการเกิดการต้านทานของเชื้อสาเหตุโรคพืช โดยแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ตามกลไกการออกฤทธิ์ 12 กลุ่มดังนี้ | โดยองค์กร FRAC ได้จัดกลุ่มสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามคุณสมบัติทางเคมีของสารแต่ละชนิด โดยจัดแบ่งกลุ่มเป็น FRAC 1-46 และ FRAC M รวมทั้งจัดกลุ่มตามกลไกการออกฤทธิ์ (Mode of action) เพื่อใช้ประกอบคำแนะนำในการใช้สารป้องกันการเกิดการต้านทานของเชื้อสาเหตุโรคพืช โดยแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ตามกลไกการออกฤทธิ์ 12 กลุ่มดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 119: | บรรทัดที่ 113: | ||
กลุ่ม M สารมีกลไกออกฤทธิ์ยับยั้งในเซลล์เชื้อสาเหตุโรคพืชหลายตำแหน่ง (M: multi-site contact activity) | กลุ่ม M สารมีกลไกออกฤทธิ์ยับยั้งในเซลล์เชื้อสาเหตุโรคพืชหลายตำแหน่ง (M: multi-site contact activity) | ||
== การแบ่งกลุ่มสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามประเภทของสารเคมี == | ==== การแบ่งกลุ่มสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชตามประเภทของสารเคมี ==== | ||
เป็นการจัดแบ่งตามชนิดหรือคุณสมบัติทางเคมีของสาร โดยสารแต่ละชนิดจะมีฤทธิ์ในการป้องกันกำจัดเชื้อสาเหตุโรคพืชเหมือนหรือไม่เหมือนกันก็ได้ ปัจจุบันมีการแบ่งสารนี้ออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ | เป็นการจัดแบ่งตามชนิดหรือคุณสมบัติทางเคมีของสาร โดยสารแต่ละชนิดจะมีฤทธิ์ในการป้องกันกำจัดเชื้อสาเหตุโรคพืชเหมือนหรือไม่เหมือนกันก็ได้ ปัจจุบันมีการแบ่งสารนี้ออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 127: | บรรทัดที่ 121: | ||
# สารปฏิชีวนะ (ธิดา, 2559)<ref>ธิดา เดชฮวบ. 2559. สารเคมีที่ใช้ในการป้องกันกำจัดโรคพืช. พิมพ์ที่ บริษัท เอเชีย ดิจิตอล การพิมพ์, กรุงเทพฯ.</ref> | # สารปฏิชีวนะ (ธิดา, 2559)<ref>ธิดา เดชฮวบ. 2559. สารเคมีที่ใช้ในการป้องกันกำจัดโรคพืช. พิมพ์ที่ บริษัท เอเชีย ดิจิตอล การพิมพ์, กรุงเทพฯ.</ref> | ||
== | === สารเคมีกำจัดวัชพืช === | ||
สารกำจัดวัชพืชสามารถแบ่งประเภทหรือกลุ่มโดยยึดเกณฑ์ต่างกัน ได้เป็น 3 กลุ่ม คือ (Ashton and Craft, 1981)<ref name=":0">Ashton, F.M. and A.S. Crafts. 1981. Mode of Action of Herbicides 2nd ed. John Wiley & Sons, New York, NY, USA. </ref> | สารกำจัดวัชพืชสามารถแบ่งประเภทหรือกลุ่มโดยยึดเกณฑ์ต่างกัน ได้เป็น 3 กลุ่ม คือ (Ashton and Craft, 1981)<ref name=":0">Ashton, F.M. and A.S. Crafts. 1981. Mode of Action of Herbicides 2nd ed. John Wiley & Sons, New York, NY, USA. </ref> | ||
== แบ่งตามขอบเขตของชนิดพืชที่ควบ == | ==== แบ่งตามขอบเขตของชนิดพืชที่ควบ ==== | ||
# ประเภทเลือกทำลาย (Selective herbicides) สารเคมีที่ใช้ควบคุมพืชบางชนิด แต่ไม่มีผลหรือมีผลน้อยกับพืชบางชนิด โดยส่วนใหญ่ในท้องตลาดเป็นสารประเภทเลือกทำลาย คือ ไม่เป็นอันตรายหรือเพียงเล็กน้อยกับพืชที่ปลูก | # ประเภทเลือกทำลาย (Selective herbicides) สารเคมีที่ใช้ควบคุมพืชบางชนิด แต่ไม่มีผลหรือมีผลน้อยกับพืชบางชนิด โดยส่วนใหญ่ในท้องตลาดเป็นสารประเภทเลือกทำลาย คือ ไม่เป็นอันตรายหรือเพียงเล็กน้อยกับพืชที่ปลูก | ||
# ประเภทไม่เลือกทำลาย (Nonselective herbicides) สารเคมีที่ใช้กำจัดหรือเป็นอันตรายกับพืชทุกชนิดที่ได้รับสารประเภทนี้เข้าไป | # ประเภทไม่เลือกทำลาย (Nonselective herbicides) สารเคมีที่ใช้กำจัดหรือเป็นอันตรายกับพืชทุกชนิดที่ได้รับสารประเภทนี้เข้าไป | ||
== แบ่งตามลักษณะการใช้กับพืช == | ==== แบ่งตามลักษณะการใช้กับพืช ==== | ||
# ประเภทใช้ทางใบ (Foliar application) คือสารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางใบหรือยอดอ่อน สามารถแบ่งได้ดังนี้ | # ประเภทใช้ทางใบ (Foliar application) คือสารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางใบหรือยอดอ่อน สามารถแบ่งได้ดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 147: | บรรทัดที่ 136: | ||
# ประเภทใช้ทางดิน (Soil application) สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่ทางรากหรือส่วนอื่นๆ ของพืชที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งรวมไปถึงใบเลี้ยงหรือยอดอ่อนก่อนจะโผล่พ้นผิวดินด้วย สารกำจัดวัชพืชชนิดนี้มีผลตกค้างในดิน โดยสารบางชนิดตกค้างได้นานเป็นปี ขึ้นอยู่กับชนิดและความเข้มข้นของสาร และสภาพแวดล้อม | # ประเภทใช้ทางดิน (Soil application) สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่ทางรากหรือส่วนอื่นๆ ของพืชที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งรวมไปถึงใบเลี้ยงหรือยอดอ่อนก่อนจะโผล่พ้นผิวดินด้วย สารกำจัดวัชพืชชนิดนี้มีผลตกค้างในดิน โดยสารบางชนิดตกค้างได้นานเป็นปี ขึ้นอยู่กับชนิดและความเข้มข้นของสาร และสภาพแวดล้อม | ||
== แบ่งตามกลุ่มทางเคมี (Chemical classification) == | ==== แบ่งตามกลุ่มทางเคมี (Chemical classification) ==== | ||
โดย Ashton และ Craft (1981)<ref name=":0" /> และ Klingman และ Ashton (1982)<ref>Klingman, G.C. and F.M. Ashton. 1986. Weed Science Principles and Practices 2nd ed. John Wiley & Sons, New York, NY, USA.</ref> ได้จำแนกตามประเภทและกลุ่มของสารกำจัดวัชพืชตามลักษณะทางเคมี ดังนี้ | โดย Ashton และ Craft (1981)<ref name=":0" /> และ Klingman และ Ashton (1982)<ref>Klingman, G.C. and F.M. Ashton. 1986. Weed Science Principles and Practices 2nd ed. John Wiley & Sons, New York, NY, USA.</ref> ได้จำแนกตามประเภทและกลุ่มของสารกำจัดวัชพืชตามลักษณะทางเคมี ดังนี้ | ||
บรรทัดที่ 190: | บรรทัดที่ 179: | ||
Triclopyr ใช้ควบคุมวัชพืชใบกว้างหลายชนิดรวมทั้งไม้เนื้อแข็ง เช่น ไมยราบยักษ์ เป็นต้น (คณะทรัพยากรธรรมชาติ, ม.ป.พ.)<ref>คณะทรัพยากรธรรมชาติ. ม.ป.พ. วัชพืชและการจัดการ. เอกสารประกอบการเรียนวิชาวัชพืช. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ที่มา: <nowiki>http://natres.psu.ac.th/Department/PlantScience/weed/pdf/part3.pdf</nowiki>, วันที่ 26 เมษายน 2564.</ref> | Triclopyr ใช้ควบคุมวัชพืชใบกว้างหลายชนิดรวมทั้งไม้เนื้อแข็ง เช่น ไมยราบยักษ์ เป็นต้น (คณะทรัพยากรธรรมชาติ, ม.ป.พ.)<ref>คณะทรัพยากรธรรมชาติ. ม.ป.พ. วัชพืชและการจัดการ. เอกสารประกอบการเรียนวิชาวัชพืช. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ที่มา: <nowiki>http://natres.psu.ac.th/Department/PlantScience/weed/pdf/part3.pdf</nowiki>, วันที่ 26 เมษายน 2564.</ref> | ||
== อ้างอิง == | == อ้างอิง == | ||
* | * |
การแก้ไข