ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การจำแนกและการจัดการวัชพืช"

ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
ไม่มีคำอธิบายอย่างย่อ
บรรทัดที่ 7: บรรทัดที่ 7:
การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะจำแนกโดยทั่วไปจะใช้ลักษณะสัณฐานวิทยา (morphology) เนื่องจากจะทำให้สามารถทราบว่าวัชพืชที่พบในแปลงเป็นวัชพืชในกลุ่มใด เพื่อส่งผลสามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช ซึ่งการจำแนกวัชพืชที่ใช้ลักษณะสัณฐานวิทยาสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะจำแนกโดยทั่วไปจะใช้ลักษณะสัณฐานวิทยา (morphology) เนื่องจากจะทำให้สามารถทราบว่าวัชพืชที่พบในแปลงเป็นวัชพืชในกลุ่มใด เพื่อส่งผลสามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช ซึ่งการจำแนกวัชพืชที่ใช้ลักษณะสัณฐานวิทยาสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่


# วัชพืชใบกว้าง (broadleaved weeds) เป็นวัชพืชที่มีใบเลี้ยงคู่ (dicotyledon) มีลักษณะใบแผ่นกว้างเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบจัดเรียงเป็นร่างแห หรือตาข่าย ลําต้นมีกิ่งก้านสาขามากมาย ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด การเจริญเติบโตของวัชพืชใบกว้างส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปลายยอดหรือซอกกิ่ง
# '''วัชพืชใบกว้าง (broadleaved weeds)''' เป็นวัชพืชที่มีใบเลี้ยงคู่ (dicotyledon) มีลักษณะใบแผ่นกว้างเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบจัดเรียงเป็นร่างแห หรือตาข่าย ลําต้นมีกิ่งก้านสาขามากมาย ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด การเจริญเติบโตของวัชพืชใบกว้างส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปลายยอดหรือซอกกิ่ง
# วัชพืชใบแคบ (narrowleaved weeds) เป็นวัชพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (monocotyledon) มีลักษณะใบแคบเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบขนานกับก้านใบส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด ส่วนของราก หรือส่วนลำต้น วัชพืชใบแคบจำแนกได้ 2 จำพวก คือ จำพวกหญ้า (grasses) ลำต้นมีลักษณะกลมและมีข้อ (node) และปล้อง (internode) มีจุดเจริญอยู่ใต้ดินและตามข้อ และจำพวกกก (sedges) จะมีลักษณะที่สำคัญที่แตกต่างจากจำพวกหญ้าคือ ลำต้นไม่มีข้อและปล้องและลำต้นมักเป็นเหลี่ยม โดยมากมักมีชื่อเรียกขึ้นต้นว่ากก
# '''วัชพืชใบแคบ (narrowleaved weeds)''' เป็นวัชพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (monocotyledon) มีลักษณะใบแคบเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบขนานกับก้านใบส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด ส่วนของราก หรือส่วนลำต้น วัชพืชใบแคบจำแนกได้ 2 จำพวก คือ จำพวกหญ้า (grasses) ลำต้นมีลักษณะกลมและมีข้อ (node) และปล้อง (internode) มีจุดเจริญอยู่ใต้ดินและตามข้อ และจำพวกกก (sedges) จะมีลักษณะที่สำคัญที่แตกต่างจากจำพวกหญ้าคือ ลำต้นไม่มีข้อและปล้องและลำต้นมักเป็นเหลี่ยม โดยมากมักมีชื่อเรียกขึ้นต้นว่ากก


== '''วัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' ==
== '''วัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' ==
บรรทัดที่ 167: บรรทัดที่ 167:
การจัดการวัชพืช (weed management) เป็นการบูรณาการระหว่างการป้องกัน การควบคุมและการกำจัดมาใช้ร่วมกัน แต่จะใช้วิธีการมากกว่าหรือน้อยกว่ากันใดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของปัญหา แต่โดยทั่วไปการจัดการจะเน้นไปที่การแก้ปัญหามากกว่าการป้องกัน ที่เรียกโดยทั่วไปว่า การควบคุมกำจัด ซึ่งการควบคุมกำจัดวัชพืชสามารถทำได้หลายวิธีโดยต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมและสามารถแบ่งออกได้<ref>พรชัย เหลืองอาภาพงศ์ 2523 การป้องกันกำจัดวัชพืช ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 164 หน้า </ref>
การจัดการวัชพืช (weed management) เป็นการบูรณาการระหว่างการป้องกัน การควบคุมและการกำจัดมาใช้ร่วมกัน แต่จะใช้วิธีการมากกว่าหรือน้อยกว่ากันใดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของปัญหา แต่โดยทั่วไปการจัดการจะเน้นไปที่การแก้ปัญหามากกว่าการป้องกัน ที่เรียกโดยทั่วไปว่า การควบคุมกำจัด ซึ่งการควบคุมกำจัดวัชพืชสามารถทำได้หลายวิธีโดยต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมและสามารถแบ่งออกได้<ref>พรชัย เหลืองอาภาพงศ์ 2523 การป้องกันกำจัดวัชพืช ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 164 หน้า </ref>


* การป้องกันกำจัดโดยวิธีกล เป็นวิธีกำจัดวัชพืชโดยการใช้แรงงานคนถากหญ้า หรือใช้เครื่องจักรกลขนาดเล็กเข้ากำจัดวัชพืชในร่องขณะที่ต้นมันสำปะหลังยังเล็ก หรือช่วงมันสำปะหลังมีอายุ 4 เดือนแรกหลังปลูก  
# '''การป้องกันกำจัดโดยวิธีกล''' เป็นวิธีกำจัดวัชพืชโดยการใช้แรงงานคนถากหญ้า หรือใช้เครื่องจักรกลขนาดเล็กเข้ากำจัดวัชพืชในร่องขณะที่ต้นมันสำปะหลังยังเล็ก หรือช่วงมันสำปะหลังมีอายุ 4 เดือนแรกหลังปลูก
* การป้องกันกำจัดโดยการใช้สารป้องกันกำจัดวัชพืช เป็นวิธีกำจัดวัชพืชโดยการใช้สารกำจัดวัชพืช (herbicide) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดวัชพืชที่ส่งผลให้วัชพืชยับยั้งการเจริญเติบโตหรือตายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดหลัก ๆ  
# '''การป้องกันกำจัดโดยการใช้สารป้องกันกำจัดวัชพืช''' เป็นวิธีกำจัดวัชพืชโดยการใช้สารกำจัดวัชพืช (herbicide) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดวัชพืชที่ส่งผลให้วัชพืชยับยั้งการเจริญเติบโตหรือตายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดหลัก ๆ


=== แบ่งตามขอบเขตของชนิดพืชที่ควบคุม ===
=== แบ่งตามขอบเขตของชนิดพืชที่ควบคุม ===


# ประเภทเลือกทำลาย (selective herbicides) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมพืชบางชนิด แต่ไม่มีผลหรือมีผลน้อยกับพืชอีกบางชนิด สามารถควบคุมกำจัดวัชพืชได้บางชนิด โดยไม่เป็นอันตรายหรือเป็นอันตรายเพียงเล็กน้อยต่อต้นมันสำปะหลัง
# '''ประเภทเลือกทำลาย (selective herbicides)''' หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมพืชบางชนิด แต่ไม่มีผลหรือมีผลน้อยกับพืชอีกบางชนิด สามารถควบคุมกำจัดวัชพืชได้บางชนิด โดยไม่เป็นอันตรายหรือเป็นอันตรายเพียงเล็กน้อยต่อต้นมันสำปะหลัง
# ประเภทไม่เลือกทำลาย (nonselective herbicides) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดพืชหรือวัชพืชทุกชนิด หากฉีดพ่นในการปลูกมันสำปะหลังต้องระมัดระวังอันตรายที่จะส่งผลต่อความเสียหายได้
# '''ประเภทไม่เลือกทำลาย (nonselective herbicides)''' หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดพืชหรือวัชพืชทุกชนิด หากฉีดพ่นในการปลูกมันสำปะหลังต้องระมัดระวังอันตรายที่จะส่งผลต่อความเสียหายได้


=== แบ่งตามลักษณะการใช้กับพืช<ref>อัมพร สุวรรณเมฆ มปป. สิ่งที่ต้องพิจารณาบางประการในการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช เอกสารโรเนียว ภาควิชาพืชไร่นา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 7 หน้า </ref> ===
=== แบ่งตามลักษณะการใช้กับพืช<ref>อัมพร สุวรรณเมฆ มปป. สิ่งที่ต้องพิจารณาบางประการในการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช เอกสารโรเนียว ภาควิชาพืชไร่นา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 7 หน้า </ref> ===


# ประเภทใช้ทางใบ (foliar application) หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางใบหรือยอดอ่อน ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้อีก คือ 1) ประเภทสัมผัสตาย (contact herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่มีความสามารถทำลายพืชได้เฉพาะส่วนที่สารไปสัมผัสเท่านั้นโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายของสารไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของพืช 2) ประเภทดูดซึม (systemic หรือ translocated herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่เมื่อเข้าสู่พืชแล้วสามารถเคลื่อนย้ายไปสู่ส่วนอื่นของพืชได้ โดยจะเคลื่อนย้ายไปตามท่ออาหาร (phloem) เป็นส่วนใหญ่ และจะแสดงผลในการทำลายในจุดต่าง ๆ ที่สารประเภทนี้เคลื่อนย้ายไปถึง
# '''ประเภทใช้ทางใบ (foliar application)''' หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางใบหรือยอดอ่อน ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้อีก คือ 1) ประเภทสัมผัสตาย (contact herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่มีความสามารถทำลายพืชได้เฉพาะส่วนที่สารไปสัมผัสเท่านั้นโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายของสารไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของพืช 2) ประเภทดูดซึม (systemic หรือ translocated herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่เมื่อเข้าสู่พืชแล้วสามารถเคลื่อนย้ายไปสู่ส่วนอื่นของพืชได้ โดยจะเคลื่อนย้ายไปตามท่ออาหาร (phloem) เป็นส่วนใหญ่ และจะแสดงผลในการทำลายในจุดต่าง ๆ ที่สารประเภทนี้เคลื่อนย้ายไปถึง
#ประเภทใช้ทางดิน (soil application) หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางรากหรือส่วนอื่นๆ ของพืชที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งรวมถึงใบเลี้ยงหรือยอดอ่อนก่อนจะโผล่พ้นพื้นผิวดิน มีผลทำให้ส่วนขยายพันธุ์ของพืช ซึ่งเริ่มจะงอกหรือกำลังงอกได้รับอันตราย สารกำจัดวัชพืชประเภทใช้ทางดินมักจะมีผลตกค้างในดิน (residue) สารบางชนิดอยู่ในดินได้นานเป็นปี ขึ้นกับชนิดและความเข้มข้นของสาร และสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นและชนิดของดิน
#'''ประเภทใช้ทางดิน (soil application)''' หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางรากหรือส่วนอื่นๆ ของพืชที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งรวมถึงใบเลี้ยงหรือยอดอ่อนก่อนจะโผล่พ้นพื้นผิวดิน มีผลทำให้ส่วนขยายพันธุ์ของพืช ซึ่งเริ่มจะงอกหรือกำลังงอกได้รับอันตราย สารกำจัดวัชพืชประเภทใช้ทางดินมักจะมีผลตกค้างในดิน (residue) สารบางชนิดอยู่ในดินได้นานเป็นปี ขึ้นกับชนิดและความเข้มข้นของสาร และสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นและชนิดของดิน
100

การแก้ไข

รายการนำทางไซต์