การเตรียมดินที่เหมาะสมกับฤดูปลูก

รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:39, 30 มิถุนายน 2564 โดย Thanapon(คุย | ส่วนร่วม)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)
  • ฤดูต้นฝน

การเตรียมดินสำหรับการปลูกมันสำปะหลังในช่วงต้นฤดูฝนควรไถทั้งหมด 3 ครั้ง ได้แก่ การการไถดะในครั้งที่ 1 ไถพรวนหรือไถแปรในครั้งที่ 2 และไถเพื่อยกร่องในครั้งที่ 3 สำหรับการการไถดะเป็นการการไถพลิกหน้าดินครั้งแรกเพื่อกำจัดวัชพืช และตากดินให้แห้งโดยการใช้ผาล 3 หรือผาล 4 โดยไถลึกอย่างน้อย 30 เซนติเมตร แล้วทิ้งไว้ 7-14 วันเพื่อให้ซากพืชย่อยสลายและตากดินส่วนที่ไถขึ้นมา ควรไถดินในขณะที่มีความชื้นพอเหมาะไม่แฉะหรือแห้งเกินไป หากไถขณะที่ดินแฉะจะทำให้ดินจับตัวกันเป็นก้อนใหญ่ และเมื่อดินแห้งจะย่อยให้ละเอียดด้วยผาลพรวนได้ยาก หรือถ้าไถในขณะที่ดินแห้งเกินไปจะทำให้ไถได้ไม่ลึก ซึ่งจะพบปัญหานี้ในกลุ่มดินเนื้อละเอียด เช่น ดินเหนียว มากกว่าดินเนื้อหยาบและดินเนื้อปานกลาง

ส่วนการไถพรวนหรือไถแปรเป็นการไถครั้งที่ 2 เพื่อย่อยและคลุกเคล้า ดิน วัชพืช ฯลฯ ให้ลงไปในดิน โดยจะใช้จำนวนผาลมากขึ้น เช่น ผาล 6  ผาล 7 หรือผาลพรวนชนิดอื่น ๆ ควรทำขณะที่ดินไม่แฉะหรือแห้งเกินไป สามารถทำได้ในวันเดียวกับวันยกร่องปลูก แต่ไม่ควรเกิน 2-3 วัน เนื่องจากถ้ามีฝนตกหนักจะทำให้ยกร่องได้ยาก และวัชพืชอาจขึ้นอีกและอาจต้องมีการไถพรวนซ้ำได้

และการไถยกร่อง เป็นการจัดการพื้นที่ปลูกเพื่อให้สะดวกต่อการปลูกและช่วยระบายน้ำฝนเมื่อพื้นที่ปลูกมีฝนตกหนักเกินไป ควรยกร่องให้มีขนาดที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป ซึ่งขนาดที่เหมาะสดต่อการปลูกมันสำปะหลังที่สุดคือ ความสูงของร่องประมาณ 25-30 เซนติเมตร และความกว้างของฐานร่องประมาณ 90-100 เซนติเมตร และการยกร่องควรยกร่อนขวางทิศทางลาดชันจะทำให้ลดการกร่อนของดิน

  • ฤดูปลายฝน การเตรียมดินสำหรับการปลูกมันสำปะหลังในช่วงปลายฤดูฝนควรไถทั้งหมด 2 ครั้ง ได้แก่ การการไถดะในครั้งที่ 1 ไถพรวนหรือไถแปรในครั้งที่ 2 การไถดะการเตรียมดินสำหรับปลูกมันสำปะหลังในช่วงปลายฤดูฝนจะใช้ผาล 3 ไถ ขณะที่ดินมีความชื้นเหมาะสม หากกินมีความชื้นมากเกินไปจะทำให้รถไม่สามารถเข้าไถให้พื้นที่ได้ การไถในรอบนี้จะเป็นการไถที่ช่วยเก็บกัดความชื้นไว้ในดินเพื่อรอการไถครั้งต่อไป ส่วนการไถพรวนหรือไถแปร ควรทำเมื่อพร้อมปลูกโดยปกติควรทำหลังการไถดะประมาณ 5-10 วัน หากเป็นดินร่วนทรายหรือดินทราย หลังจากการไถครั้งนี้สามารถปลูกได้เลยโดยปลูกแบบพื้นราบ ใช้วิธีขึงเชือกปลูก โดยไม่จำเป็นต้องยกร่องเพื่อประหยัดต้นทุนการเตรียมดิน