การเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง

จาก Cassava
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา

มันสำปะหลัง เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2556 มีการส่งออกในรูปมันเส้นและมันอัดเม็ดประมาณ 3 ล้านตัน และส่งออกในรูปแป้งมันสำปะหลังประมาณ 1.32 ล้านตัน โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมมากกว่า 50,000 ล้านบาท พื้นที่ผลิตมันสำปะหลังของประเทศไทยประมาณ 6.52 ล้านไร่ กระจายอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือ คิดเป็น 54.74 31.74 และ 13.52 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดตามลำดับ ได้ผลผลิตรวมประมาณ 30 ล้านตันหัวมันสด (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2556)

ระบบการผลิตมันสำปะหลังของเกษตรกรโดยทั่วไป ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย ๆ หลายขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนการเตรียมดิน การปลูก การบำรุงรักษา การจัดการวัชพืช การจัดการด้านโรค-แมลง การเก็บเกี่ยว และรวบรวมหัวมันขึ้นรถบรรทุก ซึ่งเกษตรกรจะนำเครื่องมือจักรกลเกษตรเข้ามาช่วยดำเนินการในบางขั้นตอน แต่โดยทั่วไปยังคงใช้แรงงานคนทำงานเป็นหลัก ขั้นตอนเก็บเกี่ยวและรวบรวมหัวมันขึ้นรถบรรทุกเป็นขั้นตอนที่ใช้แรงงานมากที่สุด โดยมีค่าเท่ากับ 54.5 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมด และยังพบว่าค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างแรงงานมีมูลค่าถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด (Sukra, 1996)

เนื่องจากภายหลังการเก็บเกี่ยว จำเป็นต้องลำเลียงหัวมันสดออกจากแปลงเพื่อนำไปส่งยังโรงงานแปรรูปภายในวันเดียวกันให้หมด มิฉะนั้นหัวมันสดที่มีความชื้นสูงจะเกิดการเสื่อมสภาพและทำให้ปริมาณแป้งลดลงซึ่งมีผลต่อราคารับซื้อหัวมันสด ดังนั้นเพื่อประหยัดค่าขนส่ง เกษตรกรจึงพยายามเก็บเกี่ยวในแต่ละวันให้ได้ปริมาณหัวมันเต็มรถบรรทุก ซึ่งรถบรรทุกที่เกษตรกรจัดหาได้มักมีขนาด 6-9 ตัน ทำให้เกษตรกรต้องเก็บเกี่ยวประมาณ 2-4 ไร่ต่อวัน ซึ่งหมายถึงเกษตรต้องจัดการให้มีการขุด 2-4 ไร่ต่อวัน จากนั้นจึงรวมกอง ตัดเหง้า และขนขึ้นรถบรรทุก ให้เสร็จสิ้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน

ดังนั้น การนำกำลังงานจากเครื่องจักรกลเกษตรเข้ามาใช้ทดแทนแรงงานคนในการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่จะช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในการเก็บเกี่ยวได้ ปัจจุบันพบว่ามีการนำเครื่องมือจักรกลเกษตรเข้ามาใช้ในกระบวนการปลูกและการเก็บเกี่ยว เนื่องจากปัญหาเรื่องต้นทุนในการจ้างแรงงานในภาคการเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มสูงมากขึ้น (มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย, 2547)

จากผลการศึกษารูปแบบการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังในปัจจุบัน และข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยเก็บข้อมูล อัตราการทำงานและความต้องการแรงงานของกระบวนการ ดังแสดงไว้ในตาราง 1 โดยจากตารางพบว่าอัตราการทำงานของกระบวนการเก็บเกี่ยวรวมทั้งกระบวนการ คือ 2.61 ไร่/คน-ชั่วโมง และมีความต้องการแรงงาน คือ 11.3 คน-ชั่วโมง/ไร่ โดยการดำเนินงานภายหลังการเก็บเกี่ยว มีความต้องการแรงงานมากที่สุด และใช้เวลาในการทำงานสูงที่สุด (ชัยยันต์ และเสรี, 2556)

การเก็บเกี่ยวและการเก็บรักษา

โดยทั่วไปมันสําปะหลังภายหลังการเก็บเกี่ยวซึ่งเป็นหัวมันสดจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบ 60-65 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ดังนั้นจึงมีอัตราการเสื่อมคุณภาพที่รวดเร็วมากโดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้น อย่างเช่นประเทศไทย ซึ่งลักษณะการเสื่อมคุณภาพที่ปรากฏให้เห็นในช่วง 3 วันภายหลังการเก็บเกี่ยวเป็นการเสื่อมคุณภาพทางสรีระวิทยา (Physiological Deterioration) โดยสีของเนื้อมันสําปะหลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหรือฟ้าเงินปนดํา หลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และเปอร์เซ็นต์แป้งในหัวมันลดลง ส่งผลกระทบต่อราคาขาย หลังจากนั้นหัวมันจะเริ่มเน่า ซึ่งเป็นการเสื่อมคุณภาพเนื่องจากการเข้าทําลายของจุลินทรีย์ (กรมวิชาการเกษตร, 2537)

การเก็บเกี่ยวมันสําปะหลังประกอบด้วยกิจกรรมหลายขั้นตอน คือขั้นตอนการขุดมันสําปะหลังขึ้นจากพื้นดิน ขั้นตอนการรวมกองและตัดเหง้า และขั้นตอนการขนย้ายหัวมันขึ้นรถบรรทุก ซึ่งโดยทั่วไปขั้นตอนการขุดมันสําปะหลังเป็นขั้นตอนที่ใช้กําลังงานมากที่สุดและใช้เวลามากที่สุดเนื่องจากฤดูเก็บเกี่ยวมัสําปะหลังตรงกับฤดูแล้ง ทําให้ดินค่อนข้างแข็งโดยเฉพาะในเดือน ม.ค. - เม.ย. แม้ว่าปัจจุบันจะมีการนําเครื่อง/อุปกรณ์ขุดมันสําปะหลังซึ่งใช้รถแทรกเตอร์สี่ล้อเป็นต้นกําลัง มาช่วยงานเก็บเกี่ยวมันสําปะหลังแต่ไม่พบการใช้งานเครื่อง/อุปกรณ์ขุดมันสําปะหลังซึ่งใช้รถไถเดินตามเป็นต้นกําลัง (เสรี, 2551)

ระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม เก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่อายุ 8-12 เดือน แต่อายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมคือ 12 เดือนหลังปลูก และไม่ควรเก็บเกี่ยวในช่วงที่มีฝนตกชุก เนื่องจากหัวมันสำปะหลังจะมีเปอร์เซ็นต์แป้งต่ำ (กรมวิชาการเกษตร, 2547)

อายุของต้นมันสำปะหลังก่อนเก็บเกี่ยว

มันสำปะหลังเป็นพืชอายุยาว สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อใดก็ได้ ผลผลิตหัวสดจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนที่มันสำปะหลังได้รับ ในขณะที่ปริมาณแป้งในหัวของทุกพันธุ์จะสามารถวัดได้ตั้งแต่เดือนที่ 4 หลังปลูก สำหรับประเทศไทยเกษตรกรส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวมันสำปะหลังที่อายุ 9-12 เดือน อย่างไรก็ตามอายุที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวจะขึ้นกับพันธุ์ที่ใช้ปลูกด้วย

บุญเหลือ และคณะ (2549) ได้ศึกษาผลของอายุเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7 ที่อายุ 8 10 12 14 และ 16 เดือนหลังปลูก พบว่าการเจริญเติบโตทางด้านความสูงที่อายุ 8 เดือนมีความสูงต่ำที่สุด ที่อายุ 12 14 และ 16 เดือนมีความสูงไม่แตกต่างกันและเมื่อนำข้อมูล 2 ปีที่ปลูกมาวิเคราะห์ความแปรปรวนพบว่าการเก็บเกี่ยวที่อายุตั้งแต่ 10-16 เดือน ไม่ทำให้ผลผลิตหัวสดแตกต่างกันทางสถิติ ซึ่งอยู่ระหว่าง 4,815-6,082 กก./ไร่ แต่การเก็บเกี่ยวที่อายุ 12 และ 14 เดือน เปอร์เซ็นต์แป้งสูงสุดและไม่แตกต่างกันทางสถิติคือ 32.1 และ33.6 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

         สำนักวิจัยและพัฒนาการจัดการที่ดิน (ม.ป.ป.) อย่างไรก็ตามการเก็บเกี่ยวเมื่ออายุมากกว่า 12 เดือน จะมีผลทำให้น้ำหนักหัวมันสดมากกว่าการเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 12 เดือน แต่จะมีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด และช่วยให้การปลูกในฤดูถัดไปอยู่ในช่วงฤดูฝน แต่โดยทั่วไปเกษตรกรนิยมเก็บเกี่ยวเมื่อราคามันสำปะหลังสูง และนอกจากนี้เกษตรกรต้องคำนึงถึงความจำเป็นทางเศษฐกิจ ฤดูกาลแรงงานที่จะใช้เก็บเกี่ยวด้วย

         การปลูกมันสำปะหลังกลางฤดูฝนถ้าเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 12 เดือน จะได้ผลผลิตต่ำเพียง 1-2 ตัน/ไร่ เนื่องจากต้นมันสำปะหลังได้รับปริมาณฝนน้อยไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและการสะสมอาหารได้น้อย (วุฒิศักดิ์ และคณะ, 2539) และเมื่อได้รับน้ำฝนมันสำปะหลังจะนำแป้งที่สะสมไว้ในหัวมาใช้สร้างต้นและใบใหม่ เมื่อเก็บเกี่ยวในช่วงต้นฤดูฝน ผลผลิตมันแห้ง และแป้งจะลดลง (โอภาษ และคณะ, 2543) ส่วนการปลูกมันสำปะหลังปลายฤดูฝนจะเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูแล้ง ทำให้ได้ผลผลิตมันแห้งและแป้งสูง เพราะดินมความชื้นน้อย ทำให้หัวมันสำปะหลังมีน้ำน้อยลง จึงทำให้เปอร์เซ็นต์แป้งสูงขึ้น (วุฒิศักดิ์ และ คณะ, 2539) การปลูกมันสำปะหลังนอกฤดูฝน (พฤศจิกายน-เมษายน) ให้ผลผลิตต่ำกว่าการปลูกในช่วงฤดูฝนถึง 25 เปอร์เซ็นต์ (สมพงษ์, 2537)

ช่วงเวลาขุดเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม

มันสำปะหลังเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี เกษตรกรในประเทศไทยส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูแล้ง โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม การเก็บเกี่ยวในฤดูฝน (เมษายนถึงตุลาคม) มีน้อยมาก ซึ่งปริมาณแป้งในหัวมันสำปะหลังของทุกพันธุ์จะสูงสุดเมื่อเก็บเกี่ยวเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม และหลังจากเดือนเมษายนไปแล้ว ปริมาณแป้งในหัวจะลดลงเรื่อย ๆ และลดลงต่ำสุดในเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก เนื่องจากเมื่อมันสำปะหลังได้รับความชื้นจะมีการใช้อาหารและแป้งที่สะสมไว้ในหัวสำหรับการเจริญเติบโตทางลำต้น ตัวอย่างช่วงเวลาขุดเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังที่เหมาะสมในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยดังแสดงในตารางที่ 1 และ 2

ตารางที่ 1 ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวเหมาะสมของฤดูปลูกต้นฝน

แหล่งปลูก ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
ภาคเหนือตอนล่าง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ภาคกลาง
ภาคตะวันออก

หมายเหตุ   ช่วงที่เหมาะสมที่แสดงข้างต้นเป็นการเก็บเกี่ยวเมื่อมันสำปะหลังมีอายุครบ 10-12 เดือนหลังปลูก ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงช่วงของฤดูฝนในแต่ละภูมิภาค หากจะเก็บเกี่ยวให้มีประสิทธิภาพต้องมีข้อมูลด้านภูมิอากาศมาใช้ประกอบการวางแผน

ตารางที่ 2 ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวเหมาะสมของฤดูปลูกปลายฝน

แหล่งปลูก ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
ภาคเหนือตอนล่าง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ภาคกลาง
ภาคตะวันออก

หมายเหตุ   ช่วงที่เหมาะสมที่แสดงข้างต้นเป็นการเก็บเกี่ยวเมื่อมันสำปะหลังมีอายุครบ 10-12 เดือนหลังปลูก ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงช่วงของฤดูฝนในแต่ละภูมิภาค หากจะเก็บเกี่ยวให้มีประสิทธิภาพต้องมีข้อมูลด้านภูมิอากาศมาใช้ประกอบการวางแผน

ต้นทุนและการเก็บเกี่ยว

จากต้นทุนการผลิตมันสําปะหลังทั้งหมด มีค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวถึง 34.15 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาเป็นค่าขนส่ง 24.39 เปอร์เซ็นต์ (สํานักงานเกษตรอําเภอลําสนธิจังหวัดลพบุรี, 2552) ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวเป็นค่าใช้จ่ายส่วนที่สําคัญที่สุดของต้นทุนการผลิตมันสําปะหลัง ทั้งนี้อาจเนื่องจากวิธีการเก็บเกี่ยวมันสําปะหลัง ส่วนใหญ่ใช้แรงงานคนในการขุดด้วยจอบ หรือใช้คานงัดถ้าหากดินมีความชื้นหรือพื้นที่ปลูกเป็นดินทรายมีความร่วนซุยมากก็อาจใช้วิธีการถอน และสําหรับพื้นที่ซึ่งเก็บเกี่ยวในหน้าแล้งดินแห้งหรือแข็งก็จะใช้จอบขุดแบบประยุกต์เพื่อช่วยทุ่นแรง หลังจากนั้นก็มีการสับหัวมันออกจากเหง้าแล้วขนส่งด้วยรถบรรทุกเข้าสู่โรงงานแปรสภาพต่อไป

         จากผลการศึกษาของ A. B. Sukra (1996) พบว่าขั้นตอนที่ต้องการแรงงานมากที่สุดเป็นขั้นตอนการเก็บเกี่ยวและรวบรวมหัวมันขึ้นรถบรรทุก โดยต้องการแรงงานเท่ากับ 54.5 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมดในการผลิตมันสําปะหลัง

         เนื่องจากการเก็บเกี่ยวมันสําปะหลัง ต้องใช้แรงงานจํานวนมากเช่น โรงงานผลิตแป้งมันขนาด 150 ตันแป้ง/วัน ต้องใช้หัวมันสําปะหลังสด 650–750 ตัน ซึ่งต้องใช้คนขุด 650–750 คนต่อวัน เป็นต้น (ศุภวัฒน์ปากเมย 2540) จากการศึกษาลักษณะของแรงงานที่ใช้ในการดําเนินงานภายหลังเก็บเกี่ยว (เชิดพงษ์, 2549) พบว่าโดยทั่วไปเป็นแรงงานภายในหมู่บ้านของเกษตรกรเอง และหมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งมีทั้งแรงงานวัยทํางานทั้งเพศชายและหญิง และแรงงานเด็กการเก็บเกี่ยวในพื้นที่ของเกษตรกรรายย่อย โดยทั่วไปจะเก็บเกี่ยวโดยใช้แรงงานในครัวเรือนเป็นหลักในการดําเนินการจึงมีอัตราการเก็บเกี่ยวช้าและต้องรอรวบรวมผลผลิตหัวมันสดให้เต็มรถบรรทุกเพื่อประหยัดค่าขนส่งโดยทั่วไปใช้เวลารวบรวมประมาณ 1-3 วัน

การขุดเก็บเกี่ยว

วิธีการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังของเกษตรกรไทยปัจจุบัน อาจจำแนกออกเป็น 2 แบบ คือ แบบดั้งเดิมซึ่งขุดมันสำปะหลังด้วยแรงงานคนโดยใช้จอบ/อุปกรณ์ถอนต้น และตัดหัวมันออกจากเหง้าด้วยแรงงานคน และแบบที่เริ่มนิยมใช้งาน คือขุดด้วยเครื่องขุดมันสำปะหลัง และตัดหัวมันออกจากเหง้าด้วยแรงงานคน สำหรับวิธีการตัดหัวมันออกจากเหง้าภายหลังการเก็บเกี่ยวมีเพียงรูปแบบเดียว คือ ใช้แรงงานคนตัวหัวมันสำปะหลัง ก่อนลำเลียงขึ้นรถบรรทุก (ชัยยันต์, 2560)

เนื่องจากภายหลังการเก็บเกี่ยว จำเป็นต้องลำเลียงหัวมันสดออกจากแปลงเพื่อนำไปส่งยังโรงงานแปรรูปภายในวันเดียวกันให้หมด มิฉะนั้นหัวมันสดที่มีความชื้นสูงจะเกิดการเสื่อมสภาพและทำให้ปริมาณแป้งลดลงซึ่งมีผลต่อราคารับซื้อหัวมันสด ดังนั้นเพื่อประหยัดค่าขนส่ง เกษตรกรจึงพยายามเก็บเกี่ยวในแต่ละวันให้ได้ปริมาณหัวมันเต็มรถบรรทุก ซึ่งรถบรรทุกที่เกษตรกรจัดหาได้มักมีขนาด 6-9 ตัน ทำให้เกษตรกรต้องเก็บเกี่ยวประมาณ 2-4 ไร่ต่อวัน ซึ่งหมายถึงเกษตรต้องจัดการให้มีการขุด 2-4 ไร่ต่อวัน จากนั้นจึงรวมกอง ตัดเหง้า และขนขึ้นรถบรรทุก ให้เสร็จสิ้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน (ชัยยันต์, 2560)

ดังนั้นการนำเครื่องจักรกลเกษตรเข้ามาใช้ทดแทนแรงงานคนในการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่จะช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในการเก็บเกี่ยวได้ ปัจจุบันพบว่ามีการนำเครื่องมือจักรกลเกษตรเข้ามาใช้ในกระบวนการปลูกและการเก็บเกี่ยว เนื่องจากปัญหาเรื่องต้นทุนในการจ้างแรงงานในภาคการเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มสูงมากขึ้น (มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย, 2547)

           เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้แรงงานคนทำการขุด ซึ่งนิยมการขุดโดยวิธีเหมาขุดและมีคนรับจ้างขุดมันเป็นกลุ่ม ๆ ส่วนราคาของการขุดนั้นขึ้นอยู่กับสภาพของดินแห้งหรือไม่ การขุดยากหรือง่าย และมันสำปะหลังนั้นมีหัวดีหรือไม่ดี หัวเล็กหรือหัวใหญ่ มีวัชพืชมากหรือน้อย ถ้าหากไม่ใช้วิธีเหมาขุดก็อาจใช้วิธีจ้างขุดรายวัน ซึ่งค่าจ้างแรงงานในการขุดวิธีนี้จะแพงกว่า แรงงานในการปลูกหรือกำจัดวัชพืช โดยวิธีการขุดนั้นจะทำการตัดต้นมันออกก่อนโดยเหลือเหง้าส่วนล่างของละต้นทิ้งไว้ประมาณ 30-50 เซนติเมตร จากนั้นก็ทำการขุดด้วยจอบ ถ้าหากดินมีความชื้นก็จะใช้วิธีถอนขึ้น หรือขุดตามหัวที่หักหลงเหลืออยู่ในดินอีกทีหนึ่ง ก็จะนำไปกอง ๆ จากนั้นจะทำการสับหัวมันออกจากเหง้า แล้วขนส่งสู่โรงงานแปรสภาพต่อไป โดยไม่ทิ้งไว้ในไร่ เพราะจะทำให้เน่าเสียได้ การทิ้งไว้นานเกิน 4 วัน จะเน่าเสียมาก (สำนักวิจัยและพัฒนาการจัดการที่ดิน, ม.ป.ป.) แต่ปัจจุบันเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ใหญ่ที่ไม่สามารถใช้แรงงานคนได้ ก็มักช้าเครื่องจักรกลทางการเกษตรซึ่งจะลดต้นทุนและเก็บเกี่ยวรวดเร็วกว่า

ขั้นตอนการขุดเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน (กรณีเก็บเกี่ยวในแปลงขนาด 100 ไร่) ดังนี้

  1. การตัดต้นพันธุ์ การขุดหัวมันสำปะหลังโดยใช้รถไถขุดจำเป็นต้องตัดต้นพันธุ์ออกก่อน โดยปกติแรงงานทั่วไป 1 คน สามารถตัดต้นพันธุ์ได้ประมาณ 2,000 ลำ ดังนั้นพื้นที่ 1 ไร่ต้องใช้แรงงานตัดประมาณ 1.5-2 แรง หรือ 150-200 แรงต่อพื้นที่ 100 ไร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการตัดในแต่ละพันธุ์และความหนาแน่นของประชากรที่ปลูก ในกรณีที่ไม่ต้องเก็บต้นพันธุ์ไว้ปลูกต่อ และลดต้นทุนในการตัดต้นพันธุ์สามารถใช้เครื่องสับย่อยต้นมันสำปะหลังเข้าไปทำงานในแปลงได้ เศษต้นและใบที่ผ่านการสับย่อยก็จะตกอยู่ในแปลงเป็นการเพิ่มปุ๋ยหรืออินทรียวัตถุให้กับดิน
  2. การถอนหรือขุดหัวมันสำปะหลัง โดยปกติหากเป็นการขุดในฤดูฝนซึ่งดินมีความชื้นสูงในเขตพื้นที่ดินทราย หรือทรายปนร่วน ซึ่งโครงสร้างดินมีความร่วนซุยสูง สามารถใช้แรงงานคนถอนทั้งต้นโดยไม่ต้องตัดต้นพันธุ์ออกก่อนจะช่วยประหยัดค่าแรงงานตัดต้นพันธุ์และค่ารถไถขุดหัวมันสำปะหลังได้อีกทางหนึ่ง แต่หากในช่วงฤดูแล้ง ดินแห้งและแข็งไม่สามารถถอนโดยใช้แรงงานคนได้ จำเป็นต้องใช้รถแทรคเตอร์ติดพ่วงเครื่องขุดหัวมันสำปะหลังขุดแทนแรงงานคน ประสิทธิภาพการทำงานของรถแทรคเตอร์ติดพ่วงเครื่องขุด 1 คัน สามารถทำงานได้ประมาณ 12-15 ไร่ ดังนั้นหากมีพื้นที่ 100 ไร่ จำเป็นต้องใช้รถขุดเก็บเกี่ยวประมาณ 6-7 คัน
  3. การรวมกองและสับหัวมันสำปะหลังออกจากเหง้า ขั้นตอนนี้เป็นการตามเก็บหัวมันสำปะหลังที่รถไถขุดขึ้นมา แล้วโยนกองเป็นกลุ่มเพื่อให้สะดวกต่อการสับหัวออกจากเหง้าและขนขึ้นรถบรรทุก ปัจจุบันยังไม่มีเครื่องจักรหรือเครื่องทุ่นแรงใด ๆ มาช่วยในขั้นตอนนี้ ยังคงจำเป็นต้องใช้แรงงานคนเป็นหลัก
  4. การขนหัวมันสำปะหลังขึ้นรถบรรทุกเพื่อส่งโรงงาน หลังจากสับหัวออกจากเหง้าแล้ว ต้องใช้แรงงานเก็บหัวมันสำปะหลังใส่เข่งหรือภาชนะอื่นแล้วใช้คนแบกขึ้นรถบรรทุก ขั้นตอนนี้ต้องใช้แรงงานค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีการคิดค้นออกแบบเครื่องลำเลียงหัวมันสำปะหลังขึ้นรถบรรทุกแทนการใช้แรงงานคนแบก แต่ยังทำงานได้ช้าและไม่คล่องตัวเมื่อต้องย้ายรถบรรทุกไปยังจุดอื่น ๆ อยู่ตลอดเวลา แนวทางที่จะช่วยลดแรงงานได้อีกทางหนึ่ง คือ การใช้รถแทรคเตอร์ติดอุปกรณ์ตักหัวมันสำปะหลังทางด้านหน้า สามารถยกหัวมันสำปะหลังใส่รถบรรทุกได้ครั้งละ 300-500 กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับขนาดของตัก) จะช่วยลดจำนวนแรงงานในการแบกและช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น
การขุดเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง

วิธีการขุดเก็บเกี่ยวและขนส่งผลผลิตออกไปสู่โรงงาน

การขุดเก็บเกี่ยวและขนส่งผลผลิตออกไปสู่โรงงานเป็นขั้นตอนสุดท้ายในระบบการผลิตมันสำปะหลังซึ่งมีต้นทุนการจัดการสูงคิดเป็น 30-40 เปอร์เซ็นต์ของขั้นตอนการผลิตทั้งระบบ วิธีการขุดเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมในแปลงผลิตขนาดใหญ่มี 3 วิธี ดังนี้

วิธีที่ 1 ขุดหัวมันสำปะหลังโดยถอนทั้งต้น รวมกอง สับหัว และขนขึ้นรถบรรทุกโดยใช้แรงงานคนทั้งหมด

วิธีนี้เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีโครงสร้างดินร่วนซุย ไม่แน่นแข็ง หรือกรณีที่ขุดเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูฝนซึ่งดินมีความชื้นสูง และไม่มีปัญหาด้านแรงงานหรือแรงงานมีราคาถูก ทำได้โดยใช้แรงงานคนถอนมันสำปะหลังทั้งต้นโดยไม่ต้องตัดต้นพันธุ์ออกก่อน แล้ววางให้เป็นแถวเพื่อสะดวกในการสับหัวออกจากเหง้า จากนั้นจึงใช้คนแบกขึ้นรถบรรทุก โดยเฉลี่ยมันสำปะหลังที่ให้ผลผลิตประมาณ 4 ตัน/ไร่ ต้องใช้แรงงานประมาณ 6-8 แรง วิธีนี้จึงใช้แรงงานมากและทำได้ช้า จึงแนะนำให้ใช้ในกรณีที่รถไถขุดไม่สามารถเข้าทำงานในแปลงได้ และควรใช้ระบบการจ้างเหมาต่อน้ำหนักหัวสดที่ขุดเก็บเกี่ยวได้ จะช่วยให้สามารถควบคุมต้นทุนขุดเก็บเกี่ยวได้

วิธีที่ 2 ขุดหัวโดยใช้เครื่องขุด รวบรวมหัว สับหัว และขนขึ้นรถบรรทุกโดยใช้แรงงานคน

วิธีนี้เหมาะสำหรับการขุดในพื้นที่ที่ดินแน่นแข็ง ความชื้นในดินต่ำ หรือการเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูแล้ง โดยต้องตัดต้นพันธุ์และขนออกจากแปลงก่อน โดยทั่วไปแรงงาน 1 คน สามารถตัดต้นพันธุ์ได้ประมาณ 2,000 ลำ ดังนั้นพื้นที่ขนาด 1 ไร่ ต้องใช้แรงงานตัดประมาณ 1.5-2 แรง หรือ 150-200 แรงต่อพื้นที่ 100 ไร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการตัดในแต่ละพันธุ์และความหนาแน่นของประชากรที่ปลูก แล้วใช้รถไถติดเครื่องขุดหัวมันสำปะหลังทำการไถขุดให้หัวมันสำปะหลังขึ้นมาอยู่บนผิวดิน จากนั้นจึงใช้แรงงานคนเก็บรวมกอง สับหัวออกจากเหง้า แล้วใช้แรงงานคนแบกขึ้นรถบรรทุกเพื่อส่งเข้าโรงงานต่อไป

วิธีนี้ช่วยให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น และช่วยลดจำนวนแรงงาน สำหรับประสิทธิภาพการทำงานของรถไถติดเครื่องขุดหัวมันสำปะหลัง 1 คัน สามารถทำงานได้ประมาณ 12-15 ไร่ ดังนั้นหากมีพื้นที่ 100 ไร่ จำเป็นต้องใช้รถขุดเก็บเกี่ยวประมาณ 6-7 คัน

วิธีที่ 3 ขุดหัวโดยใช้เครื่องขุด รวบรวมหัวและสับหัวโดยใช้แรงงานคน และขนขึ้นรถบรรทุกโดยใช้รถตัก

วิธีการทำเช่นเดียวกับวิธีที่ 2 แต่ในขั้นตอนการขนหัวมันสำปะหลังขึ้นรถบรรทุกจะใช้เครื่องลำเลียงหัวมันสำปะหลังหรือใช้รถตักแทนการใช้แรงงานคนแบก ทำให้ประหยัดแรงงานในขั้นตอนการแบก และทำงานได้เร็วขึ้น การใช้รถตักสามารถยกหัวมันสำปะหลังใส่รถบรรทุกได้ครั้งละ 300-500 กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับขนาดของตัก) ซึ่งสามารถใช้รถไถที่มีอยู่ติดอุปกรณ์ตักหัวมันสำปะหลังทางด้านหน้า โดยไม่จำเป็นต้องจัดหารถไถคันใหม่