การจำแนกพันธุ์
มันสำปะหลังสามารถปลูกได้หลายพื้นที่ของประเทศไทย ที่มีความแตกต่างกันทั้งในด้านสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศ อย่างไรก็ดีมันสำปะหลังแต่ละพันธุ์สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ดีในพื้นที่ที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมต่อพื้นที่ปลูกจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้ผลผลิตเต็มศักยภาพของพันธุ์ ปัญหาที่สำคัญในการเลือกพันธุ์มันสำปะหลัง คือ ไม่สามารถจำแนกพันธุ์มันสำปะหลังที่จะใช้ปลูกได้ เนื่องจากไม่ทราบลักษณะเด่นประจำพันธุ์ ส่งผลให้ไม่ได้ผลผลิตตามที่คาดการณ์และทำให้ไม่สามารถเลือกขยายพันธุ์มันสำปะหลังได้ตามจำนวนที่ต้องการ
หน่วยงานที่มีการพัฒนาพันธุ์มันสำปะหลัง เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ กรมวิชาการเกษตร ได้จำแนกพันธุ์มันสำปะหลังในประเทศไทย โดยเฉพาะพันธุ์การค้า ตามลักษณะเด่นของแต่ละพันธุ์ (คู่มือจำแนกพันธุ์มันสำปะหลัง, 2558)โดยลักษณะที่นำมาใช้จำแนก ได้แก่
ลักษณะเด่นที่ใช้จำแนกพันธุ์
- สียอดอ่อน สามารถสังเกตได้จากสีของยอดอ่อนมันสำปะหลังที่ยังไม่คลี่ออกมา
- ขนที่ยอดอ่อน มันสำปะหลังพันธุ์ที่ไม่มีขนอ่อนมักจะมีลักษณะเงา มัน ส่วนมันสำปะหลังที่มีขนอ่อนมักจะมีลักษณะด้าน เมื่อสัมผัสจะนุ่มมือ
- สีก้านใบ สีของก้านใบ ดูที่ก้านใบในตำแหน่งใบที่ 5 จากใบยอดที่คลี่เต็มที่แล้ว 5 ใบจากยอด เมื่ออายุประมาณ 3 – 6 เดือนหลังปลูก
- รูปร่างของแฉกที่อยู่กลางใบ ใบมันสำปะหลังเป็นแบบใบเดี่ยว แผ่นใบเว้าเป็นแฉก มีรูปร่างและจำนวนแฉกแตกต่างกันไปตามพันธุ์ โดยปกติมี 3 – 9 แฉก ยาวประมาณ 4 – 20 ซม. กว้างประมาณ 1 – 6 ซม. รูปทรงของแฉกแตกต่างกัน เช่น เรียวยาว สั้นป้อม สังเกตุเมื่ออายุประมาณ 3 – 4 เดือนหลังปลูก โดยดูในตำแหน่งใบที่ 5 จากใบยอดที่คลี่เต็มที่
- สีลำต้น
- ลักษณะหูใบ ส่วนของโคนก้านใบที่ติดกับลำต้นมีหูใบ (stipule) มีรูปร่าง ขนาด และสีเฉพาะแต่ละพันธุ์ เช่นพันธุ์ระยอง 72 หูใบมีสีแดงเข้มปลายหูใบงอนขึ้นคล้ายขนตา พันธุ์ระยอง 11 หูใบมีสีเขียวคาดสีแดง และพันธุ์ห้วยบง 60 หูใบมีสีเขียวยาว
- ลักษณะทรงต้นหรือการแตกกิ่ง บางพันธุ์ลำต้นเป็นต้นเดี่ยว ไม่มีการแตกกิ่ง บางพันธุ์มีการแตกกิ่งหลายระดับ โดยเท่าที่พบจะไม่เกิน 4 กิ่ง พันธุ์ที่มีการแตกกิ่งมากและแตกกิ่งหลายระดับจะมีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย พันธุ์ที่มีการแตกกิ่งน้อยจะสูง ได้แก่
- ขั้วหัว เป็นลักษณะที่สังเกตได้ในระยะเก็บเกี่ยว ได้แก่
- สีเปลือกหัว เป็นลักษณะที่สังเกตได้ในระยะเก็บเกี่ยว ได้แก่
- สีเนื้อหัว มีสองแบบ ได้แก่