ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรคพุ่มแจ้ (witches broom)"

จาก Cassava
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
(สร้างหน้าด้วย "เชื้อสาเหตุเกิดจากเชื้อ ไฟโตพลาสมา (''Phytoplasma'') พบการระบาดค...")
 
 
บรรทัดที่ 2: บรรทัดที่ 2:


== ลักษณะอาการ ==
== ลักษณะอาการ ==
[[ไฟล์:Image10.png|thumb|ลักษณะอาการแตกยอดมีลักษณะเป็นพุ่มของโรคแตกพุ่มแจ้ของมันสำปะหลัง]]
บริเวณยอกจะมีการแตกยอดมากกว่าปกติ ข้อปล้องสั้น และใบมีขนาดเล็กลง สังเกตได้จากยอดมีลักษณะเป็นพุ่ม เมื่อทำการลอกเปลือกออกดูจะพบใต้เปลือกมีเส้นสีดำเป็นแนวยาว ส่งผลให้แสดงอาการยอดเป็นพุ่ม ใบเหลือง และยืนต้นตายในที่สุด  ในระยะมันสำปะหลังอายุ 4-5 เดือน พบต้นมีลักษณะแคระแกรนแตกยอดเป็นพุ่มฝอย ในระยะเก็บเกี่ยวเชื้อลามลงหัว ทำให้หัวมีเส้นสีดำตามแนวยาวอยู่ใต้เปลือก คุณภาพผลผลิตเสียหาย และเปอร์เซ็นต์แป้งต่ำ
บริเวณยอกจะมีการแตกยอดมากกว่าปกติ ข้อปล้องสั้น และใบมีขนาดเล็กลง สังเกตได้จากยอดมีลักษณะเป็นพุ่ม เมื่อทำการลอกเปลือกออกดูจะพบใต้เปลือกมีเส้นสีดำเป็นแนวยาว ส่งผลให้แสดงอาการยอดเป็นพุ่ม ใบเหลือง และยืนต้นตายในที่สุด  ในระยะมันสำปะหลังอายุ 4-5 เดือน พบต้นมีลักษณะแคระแกรนแตกยอดเป็นพุ่มฝอย ในระยะเก็บเกี่ยวเชื้อลามลงหัว ทำให้หัวมีเส้นสีดำตามแนวยาวอยู่ใต้เปลือก คุณภาพผลผลิตเสียหาย และเปอร์เซ็นต์แป้งต่ำ


บรรทัดที่ 8: บรรทัดที่ 9:


== การป้องกันกำจัด ==
== การป้องกันกำจัด ==
ใช้ท่อนพันธุ์ปลอดโรค โดยเลือกจากแหลงที่ไม่มีการแพร่ระบาด เมื่อปลูกในระยะ 1 เดือนหากพบต้นที่แตกยอดเป็นพุ่มผิดปกติให้ทำการถอนทิ้งทันที ในระยะ 4 เดือนหลังปลูก หากพบต้นที่แตกพุ่ม ให้หักกิ่งต่ำลงจากยอดพุ่มประมาณ 30 เซนติเมตร ทิ้งและพ่นสารกำจัดแมลงให้ทั่วแปลง เนื่องจากโรคนี้สามารถถ่ายทอดได้โดยแมลงพาหะ จากนั้นทำการกำจัดวัชพืชทั้งในและโดยรอบแปลง โดยเฉพาะสาบม่วง ที่เป็นแหล่งอาศัยของโรค และทำการบำรุงรักษาต้นมันสำปะหลัง โดยการให้น้ำ ปุ๋ย และปรุบปรุงดินอย่างเหมาะสม เพื่อให้ต้นแข็งแรง (สำนักงานวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช, 2559)
ใช้ท่อนพันธุ์ปลอดโรค โดยเลือกจากแหลงที่ไม่มีการแพร่ระบาด เมื่อปลูกในระยะ 1 เดือนหากพบต้นที่แตกยอดเป็นพุ่มผิดปกติให้ทำการถอนทิ้งทันที ในระยะ 4 เดือนหลังปลูก หากพบต้นที่แตกพุ่ม ให้หักกิ่งต่ำลงจากยอดพุ่มประมาณ 30 เซนติเมตร ทิ้งและพ่นสารกำจัดแมลงให้ทั่วแปลง เนื่องจากโรคนี้สามารถถ่ายทอดได้โดยแมลงพาหะ จากนั้นทำการกำจัดวัชพืชทั้งในและโดยรอบแปลง โดยเฉพาะสาบม่วง ที่เป็นแหล่งอาศัยของโรค และทำการบำรุงรักษาต้นมันสำปะหลัง โดยการให้น้ำ ปุ๋ย และปรุบปรุงดินอย่างเหมาะสม เพื่อให้ต้นแข็งแรง (สำนักงานวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช, 2559)<ref>ลักษณะอาการของโรคลำต้นไหม้บริเวณลำต้นของมันสำปะหลัง</ref>
[[หมวดหมู่:โรค]]
[[หมวดหมู่:โรค]]

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 06:11, 1 กรกฎาคม 2564

เชื้อสาเหตุเกิดจากเชื้อ ไฟโตพลาสมา (Phytoplasma) พบการระบาดครั้งแรกในไป พ.ศ. 2557 ที่จังหวัดระยอง ต่อมาพบการระบากในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังภาคตะวันออก และบางอำเภอในจังหวัดกำแพงเพชร และนครราชสีมา

ลักษณะอาการ[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

ลักษณะอาการแตกยอดมีลักษณะเป็นพุ่มของโรคแตกพุ่มแจ้ของมันสำปะหลัง

บริเวณยอกจะมีการแตกยอดมากกว่าปกติ ข้อปล้องสั้น และใบมีขนาดเล็กลง สังเกตได้จากยอดมีลักษณะเป็นพุ่ม เมื่อทำการลอกเปลือกออกดูจะพบใต้เปลือกมีเส้นสีดำเป็นแนวยาว ส่งผลให้แสดงอาการยอดเป็นพุ่ม ใบเหลือง และยืนต้นตายในที่สุด  ในระยะมันสำปะหลังอายุ 4-5 เดือน พบต้นมีลักษณะแคระแกรนแตกยอดเป็นพุ่มฝอย ในระยะเก็บเกี่ยวเชื้อลามลงหัว ทำให้หัวมีเส้นสีดำตามแนวยาวอยู่ใต้เปลือก คุณภาพผลผลิตเสียหาย และเปอร์เซ็นต์แป้งต่ำ

การแพร่ระบาด[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

เชื้อสามารถแพร่ระบาดไปได้กับท่อนพันธุ์ และมีแมลงพาหะเป็นเพลี้ยจักจั่นสีน้ำตาล

การป้องกันกำจัด[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]

ใช้ท่อนพันธุ์ปลอดโรค โดยเลือกจากแหลงที่ไม่มีการแพร่ระบาด เมื่อปลูกในระยะ 1 เดือนหากพบต้นที่แตกยอดเป็นพุ่มผิดปกติให้ทำการถอนทิ้งทันที ในระยะ 4 เดือนหลังปลูก หากพบต้นที่แตกพุ่ม ให้หักกิ่งต่ำลงจากยอดพุ่มประมาณ 30 เซนติเมตร ทิ้งและพ่นสารกำจัดแมลงให้ทั่วแปลง เนื่องจากโรคนี้สามารถถ่ายทอดได้โดยแมลงพาหะ จากนั้นทำการกำจัดวัชพืชทั้งในและโดยรอบแปลง โดยเฉพาะสาบม่วง ที่เป็นแหล่งอาศัยของโรค และทำการบำรุงรักษาต้นมันสำปะหลัง โดยการให้น้ำ ปุ๋ย และปรุบปรุงดินอย่างเหมาะสม เพื่อให้ต้นแข็งแรง (สำนักงานวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช, 2559)[1]

  1. ลักษณะอาการของโรคลำต้นไหม้บริเวณลำต้นของมันสำปะหลัง