ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรคลำต้นไหม้ (stem blight disease)"
(สร้างหน้าด้วย "เชื้อสาเหตุเกิดจากเชื้อรา ''Phoma eupyrena'' มีการเริ่มระบาดในปี...") |
|||
บรรทัดที่ 2: | บรรทัดที่ 2: | ||
== ลักษณะอาการ == | == ลักษณะอาการ == | ||
[[ไฟล์:Image9.png|thumb|ลักษณะอาการของโรคลำต้นไหม้บริเวณลำต้นของมันสำปะหลัง]] | |||
เชื้อรามีการเข้าทำลายตรงรอยตัดส่วนบนของท่อนพันธุ์ ทำให้ยอดด้านบนแห้งตาย และเชื้อลามลงมาสู่โคนต้น บริเวณเปลือกลำต้นจะมีรอยปริแตก เป็นกลุ่มสปอร์เป็นเม็ดกลมสีดำปรากฏอยู่จำนวนมาก เมื่อยอดถูกทำลายจะทำให้มันสำปะหลังแตกตาข้างมากกว่าปกติ หากอาการรุนแรงต้นกล้าจะแสดงอาการใบเหลือง แห้ง ร่วง และยืนต้นตายในที่สุด | เชื้อรามีการเข้าทำลายตรงรอยตัดส่วนบนของท่อนพันธุ์ ทำให้ยอดด้านบนแห้งตาย และเชื้อลามลงมาสู่โคนต้น บริเวณเปลือกลำต้นจะมีรอยปริแตก เป็นกลุ่มสปอร์เป็นเม็ดกลมสีดำปรากฏอยู่จำนวนมาก เมื่อยอดถูกทำลายจะทำให้มันสำปะหลังแตกตาข้างมากกว่าปกติ หากอาการรุนแรงต้นกล้าจะแสดงอาการใบเหลือง แห้ง ร่วง และยืนต้นตายในที่สุด | ||
บรรทัดที่ 32: | บรรทัดที่ 33: | ||
|10 ซีซี | |10 ซีซี | ||
|} | |} | ||
หากไม่ทำการแช่ท่อนพันธุ์ และพบว่ามีการแพร่ระบาดรุนแรงในระยะ 1-2 เดือนหลังปลูก ควรพ่นสารกำจัดโรคดังตารางที่ 1 ให้ทั่วทั้งต้น (สำนักงานวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช, 2559) | หากไม่ทำการแช่ท่อนพันธุ์ และพบว่ามีการแพร่ระบาดรุนแรงในระยะ 1-2 เดือนหลังปลูก ควรพ่นสารกำจัดโรคดังตารางที่ 1 ให้ทั่วทั้งต้น (สำนักงานวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช, 2559)<ref>สำนักงานวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช. 2559. คู่มือการจัดการ ปัญหาศัตรูมันสำปะหลังแบบผสมผสาน. การันตี, กรุงเทพฯ.</ref> | ||
[[หมวดหมู่:โรค]] | [[หมวดหมู่:โรค]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 06:10, 1 กรกฎาคม 2564
เชื้อสาเหตุเกิดจากเชื้อรา Phoma eupyrena มีการเริ่มระบาดในปี 2557 ในหลายพื้นที่ของจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ ระยอง สระแก้ว สระบุรี นครราชสีมา กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี ส่งผลให้เกษตรกรเกิดการขาดแคลนท่อนพันธุ์ เนื่องจากโรคดังกล่าวมีการแพร่ระบาดไปกับท่อนพันธุ์ได้ ทำให้มันสำปะหลังแห้งตายตั้งแต่ระยะ 1 – 2 เดือน
ลักษณะอาการ[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
เชื้อรามีการเข้าทำลายตรงรอยตัดส่วนบนของท่อนพันธุ์ ทำให้ยอดด้านบนแห้งตาย และเชื้อลามลงมาสู่โคนต้น บริเวณเปลือกลำต้นจะมีรอยปริแตก เป็นกลุ่มสปอร์เป็นเม็ดกลมสีดำปรากฏอยู่จำนวนมาก เมื่อยอดถูกทำลายจะทำให้มันสำปะหลังแตกตาข้างมากกว่าปกติ หากอาการรุนแรงต้นกล้าจะแสดงอาการใบเหลือง แห้ง ร่วง และยืนต้นตายในที่สุด
การแพร่ระบาด[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
โรคนี้มีการแพร่ระบาดไปกับท่อนพันธุ์
การป้องกันกำจัด[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ใช้ท่อนพันธุ์ที่สมบูรณ์และปลอดโรค หลีกเลี่ยงท่อนพันธุ์ที่อ่อนเกินไป ก่อนปลูกควรแช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรานาน 15 – 20 นาที โดยเลือกใช้สารเคมีดังนี้
ตารางที่1 สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา Phoma eupyrena
ชื่อสามัญ | อัตราต่อน้ำ20 ลิตร |
โปรคลอราซ (prochloraz 45% EC) | 10 ซีซี |
แมนเซ็ป (mancozeb 80% WP) | 60 กรัม |
ไพราโคสโตรบิน (pyraclostrobim 25% EC) | 20 ซีซี |
เมทาแลคซิล+แมนโคเซ็ป (metalaxyl+mancozeb 4%+64% WP) | 80 กรัม |
ฟลูโอไพแรม+ทีบูโคลนาโซน
(fluopyram+tebuconazole 20%+20% W/V SC) |
10 ซีซี |
หากไม่ทำการแช่ท่อนพันธุ์ และพบว่ามีการแพร่ระบาดรุนแรงในระยะ 1-2 เดือนหลังปลูก ควรพ่นสารกำจัดโรคดังตารางที่ 1 ให้ทั่วทั้งต้น (สำนักงานวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช, 2559)[1]
- ↑ สำนักงานวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช. 2559. คู่มือการจัดการ ปัญหาศัตรูมันสำปะหลังแบบผสมผสาน. การันตี, กรุงเทพฯ.