ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรครากเน่าและหัวเน่า (Root and tuber rot)"
บรรทัดที่ 2: | บรรทัดที่ 2: | ||
== ลักษณะอาการ == | == ลักษณะอาการ == | ||
[[ไฟล์:Image8.png|thumb|ลักษณะอาการของโรครากเน่าและหัวเน่าบริเวณหัวของมันสำปะหลัง]] | |||
จากเชื้อรา ''Phytophthora'' sp. แสดงอาการที่รากเป็นรอยช้ำสีน้ำตาลและเน่า บนต้นจะแสดงอาการเหี่ยวเฉา หากเข้าทำลายในระยะลงหัวจะทำให้หัวเน่าอย่างรวดเร็ว และมีกลิ่นเหม็น ใบเหี่ยวหลุดร่วง ถ้ารุนแรงจะส่งผลให้ต้นมันสำปะหลังตายได้ | จากเชื้อรา ''Phytophthora'' sp. แสดงอาการที่รากเป็นรอยช้ำสีน้ำตาลและเน่า บนต้นจะแสดงอาการเหี่ยวเฉา หากเข้าทำลายในระยะลงหัวจะทำให้หัวเน่าอย่างรวดเร็ว และมีกลิ่นเหม็น ใบเหี่ยวหลุดร่วง ถ้ารุนแรงจะส่งผลให้ต้นมันสำปะหลังตายได้ | ||
บรรทัดที่ 10: | บรรทัดที่ 11: | ||
== การป้องกันกำจัด == | == การป้องกันกำจัด == | ||
เริ่มจากการเตรียมแปลงปลูกให้มีการระบายน้ำได้ดี ไม่ควรปลูกในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง หรือใกล้ทางระบายน้ำ หากดินระบายน้ำไม่ดีควรปลูกแบบยกร่อง และทำความสะอาดแปลงก่อนการปลูก ทำลายหัวมันเน่าที่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและคิดเลือกท่อนพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ปราศจากโรคมาปลูก (อุดมศักดิ์, 2555) | เริ่มจากการเตรียมแปลงปลูกให้มีการระบายน้ำได้ดี ไม่ควรปลูกในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง หรือใกล้ทางระบายน้ำ หากดินระบายน้ำไม่ดีควรปลูกแบบยกร่อง และทำความสะอาดแปลงก่อนการปลูก ทำลายหัวมันเน่าที่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและคิดเลือกท่อนพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ปราศจากโรคมาปลูก (อุดมศักดิ์, 2555)<ref>อุดมศักดิ์ เลิศสุชาตวนิช. 2555. โรคและแมลงศัตรูของมันสำปะหลัง. สุพรีมพริ้นท์ จำกัด, กรุงเทพฯ.</ref> | ||
== อ้างอิง == | |||
* | |||
[[หมวดหมู่:โรค]] | [[หมวดหมู่:โรค]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 05:58, 1 กรกฎาคม 2564
เป็นโรคที่ส่งผลต่อผลผลิตทั้งปริมาณและคุณภาพ โดยพบโรคนี้มากในพื้นที่ที่ระบายน้ำไม่ดี มีปริมาณน้ำฝนมากเกินไปหรือเป็นพื้นที่ที่เคยมีการปลูกกาแฟ ยาง หรือเป็นป่าไม้มาก่อน ในบางครั้งสามารถพบในพื้นที่ที่มีการชะล้างสูง สามารถเกิดได้ทั้งระยะ ต้นกล้า และระยะลงหัวแล้ว สาเหตุโรครากเน่าและหัวเน่าเกิดจากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด เช่น Phytophthora sp., Sclerotium sp., Rigidoporus (Fomes) lignosus
ลักษณะอาการ[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
จากเชื้อรา Phytophthora sp. แสดงอาการที่รากเป็นรอยช้ำสีน้ำตาลและเน่า บนต้นจะแสดงอาการเหี่ยวเฉา หากเข้าทำลายในระยะลงหัวจะทำให้หัวเน่าอย่างรวดเร็ว และมีกลิ่นเหม็น ใบเหี่ยวหลุดร่วง ถ้ารุนแรงจะส่งผลให้ต้นมันสำปะหลังตายได้
จากเชื้อรา Sclerotium sp. จะสังเกตเห็นเส้นใยสีขาวเจริญอยู่ในดินบริเวณรอบโคนท่อนพันธุ์และราก บางครั้งอาจพบบนท่อนพันธุ์มีเม็ดกลมเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดผักกาดเรียกว่า sclerotia ที่สร้างโดยเส้นใยเชื้อราชนิดนี้อยู่ ซึ่งจะเป็นส่วนขยายพันธุ์ของเชื้อ สามารถอยู่ในดินได้เป็นเวลานานหลายปี เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเหมาะสมเม็ด sclerotia จะเจริญเติบโตเป็นเส้นใยเข้าทำลายต้นอื่นต่อไป เส้นใยของเชื้อจะเข้าทำลายมันสำปะหลังทำให้ระบบรากเน่า ใบเหี่ยวและตายในที่สุด
การแพร่ระบาด[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
โดยส่วนใหญ่จะเกิดปัญหาเฉพาะบางพื้นที่และในพื้นที่ที่มีการระบายน้ำได้ไม่ดี
การป้องกันกำจัด[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
เริ่มจากการเตรียมแปลงปลูกให้มีการระบายน้ำได้ดี ไม่ควรปลูกในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง หรือใกล้ทางระบายน้ำ หากดินระบายน้ำไม่ดีควรปลูกแบบยกร่อง และทำความสะอาดแปลงก่อนการปลูก ทำลายหัวมันเน่าที่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและคิดเลือกท่อนพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ปราศจากโรคมาปลูก (อุดมศักดิ์, 2555)[1]
อ้างอิง[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
- ↑ อุดมศักดิ์ เลิศสุชาตวนิช. 2555. โรคและแมลงศัตรูของมันสำปะหลัง. สุพรีมพริ้นท์ จำกัด, กรุงเทพฯ.