ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การทำแปลงขยายพันธุ์"

ไม่มีคำอธิบายอย่างย่อ
 
(ไม่แสดง 12 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 5: บรรทัดที่ 5:
สภาพพื้นที่เหมาะสมในการปลูกมันสำปะหลังควรเป็นพื้นที่ที่ระบายน้ำได้ดีไม่เป็นที่ลุ่ม หรือมีน้ำท่วมขัง มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 2,000 เมตร พื้นที่ราบสม่ำเสมอ มีความลาดเอียงไม่เกิน 5 เปอร์เซนต์ ลักษณะดินเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย หรือดินทราย ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง อินทรียวัตถุไม่ต่ำกว่า 1.0 มันสำปะหลังปรับตัวได้ดีในสภาพดินเลว ทนทานต่อดินที่มี pH ต่ำ  ฟอสฟอรัสต่ำ อย่างไรก็ตามดินที่เหมาะสมสำหรับปลูกมันสำปะหลัง คือ ดินที่มีเนื้อค่อนข้างหยาบ ตั้งแต่ดินร่วนปนทรายถึงดินร่วนเหนียวปนทราย เพราะมีเปอร์เซ็นต์การระบายน้ำและการถ่ายเทอากาศดี ระดับหน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร ความเป็นกรดด่างอยู่ระหว่าง 5.5 – 7.5 ปริมาณน้ำฝนกระจายสม่ำเสมอ 1,000 – 1,500 มิลลิเมตรต่อปีมีแสงแดดจัด
สภาพพื้นที่เหมาะสมในการปลูกมันสำปะหลังควรเป็นพื้นที่ที่ระบายน้ำได้ดีไม่เป็นที่ลุ่ม หรือมีน้ำท่วมขัง มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 2,000 เมตร พื้นที่ราบสม่ำเสมอ มีความลาดเอียงไม่เกิน 5 เปอร์เซนต์ ลักษณะดินเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย หรือดินทราย ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง อินทรียวัตถุไม่ต่ำกว่า 1.0 มันสำปะหลังปรับตัวได้ดีในสภาพดินเลว ทนทานต่อดินที่มี pH ต่ำ  ฟอสฟอรัสต่ำ อย่างไรก็ตามดินที่เหมาะสมสำหรับปลูกมันสำปะหลัง คือ ดินที่มีเนื้อค่อนข้างหยาบ ตั้งแต่ดินร่วนปนทรายถึงดินร่วนเหนียวปนทราย เพราะมีเปอร์เซ็นต์การระบายน้ำและการถ่ายเทอากาศดี ระดับหน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร ความเป็นกรดด่างอยู่ระหว่าง 5.5 – 7.5 ปริมาณน้ำฝนกระจายสม่ำเสมอ 1,000 – 1,500 มิลลิเมตรต่อปีมีแสงแดดจัด


== '''อุณหภูมิ''' <ref name=":0" /> ==
== '''อุณหภูมิ''' ==
อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตคือ 25 – 37 องศาเซลเซียส ซึ่งมีผลกระทบต่อการงอกของท่อนพันธุ์ปลูก ขนาดใบ การสร้างใบ การสร้างหัวสะสมอาหาร และการเจริญเติบโตทั่วไปในสภาพที่อุณหภูมิต่ำที่ 16 องศาเซลเซียส มีผลต่อการแตกใบและการงอกรากจากท่อนปลูก อัตราการสร้างใบ การสร้างน้ำหนักแห้งทั้งต้น และการสะสมน้ำหนักแห้งของหัวลดลง การแตกใบและการงอกรากจากท่อนปลูกได้ดีเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจนถึง 30 องศาเซลเซียส และถูกยับยั้งเมื่ออุณหภูมิสูงถึง 37 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตคือ 25 – 37 องศาเซลเซียส ซึ่งมีผลกระทบต่อการงอกของท่อนพันธุ์ปลูก ขนาดใบ การสร้างใบ การสร้างหัวสะสมอาหาร และการเจริญเติบโตทั่วไปในสภาพที่อุณหภูมิต่ำที่ 16 องศาเซลเซียส มีผลต่อการแตกใบและการงอกรากจากท่อนปลูก อัตราการสร้างใบ การสร้างน้ำหนักแห้งทั้งต้น และการสะสมน้ำหนักแห้งของหัวลดลง การแตกใบและการงอกรากจากท่อนปลูกได้ดีเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจนถึง 30 องศาเซลเซียส และถูกยับยั้งเมื่ออุณหภูมิสูงถึง 37 องศาเซลเซียส<ref>ชินพัฒน์ธนา สุขวิบูลย์. 2558. การบริหารและจัดการระบบพัฒนาที่ดินเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังในประเทศไทย. วารสารอนุรักษ์ดินและน้ำ. 31, 2 (เม.ย. 2559) :36-47 </ref>


== '''การเตรียมดิน''' <ref name=":0" /> ==
== '''การเตรียมดิน''' ==
แปลงขยายพันธุ์ควรเป็นแปลงที่มีระดับความอุดมสมบูรณ์ของดินปานกลางถึงสูง มีการระบายน้ำดี ไม่มีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน ควรหลีกเลี่ยงปลูกในดินที่ชื้นแฉะ เพราะหัวมันสำปะหลังจะเน่าเสียได้ง่ายและมีปริมาณกรดไฮโดรไซยานิคสูง การเตรียมดินควรไถ 2 ครั้ง โดยผาน 3 และผาน 7 ควรไถให้ลึกประมาณ 8 – 12 นิ้ว โดยไถกลบเศษเหลือของพืช เช่น ลําต้น เหง้า ใบ และยอดของมันสําปะหลังที่เหลือจากการเก็บเกี่ยว ไม่ควรเผาหรือเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพราะการเผาทิ้งหรือขนย้ายไปทิ้งจะทําให้ธาตุอาหารสญหายไปเป็นจํานวนมาก สำหรับพื้นที่ปลูกที่ลาดเอียง เพื่อลดการสูญเสียหน้าดิน และพื้นที่ปลูกที่มีน้ำท่วมขัง ควรทำร่องระบายน้ำและยกร่องปลูก การเตรียมดินสำหรับปลูกมันสำปะหลังทำได้ ดังนี้
แปลงขยายพันธุ์ควรเป็นแปลงที่มีระดับความอุดมสมบูรณ์ของดินปานกลางถึงสูง มีการระบายน้ำดี ไม่มีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน ควรหลีกเลี่ยงปลูกในดินที่ชื้นแฉะ เพราะหัวมันสำปะหลังจะเน่าเสียได้ง่ายและมีปริมาณกรดไฮโดรไซยานิคสูง การเตรียมดินควรไถ 2 ครั้ง โดยผาน 3 และผาน 7 ควรไถให้ลึกประมาณ 8 – 12 นิ้ว โดยไถกลบเศษเหลือของพืช เช่น ลําต้น เหง้า ใบ และยอดของมันสําปะหลังที่เหลือจากการเก็บเกี่ยว ไม่ควรเผาหรือเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพราะการเผาทิ้งหรือขนย้ายไปทิ้งจะทําให้ธาตุอาหารสญหายไปเป็นจํานวนมาก สำหรับพื้นที่ปลูกที่ลาดเอียง เพื่อลดการสูญเสียหน้าดิน และพื้นที่ปลูกที่มีน้ำท่วมขัง ควรทำร่องระบายน้ำและยกร่องปลูก<ref name=":2" /> การเตรียมดินสำหรับปลูกมันสำปะหลังทำได้ ดังนี้


* '''การไม่ไถพรวนดิน''' จะมีการยกร่องหรือไม่ยกร่องก็ได้ เหมาะสำหรับการปลูกมันสำปะหลังปลายฤดูฝนในดินทราย หรือดินทรายปนร่วน เนื่องจากความชื้นในดินมีเพียงพอต่อการงอก
* '''การไม่ไถพรวนดิน''' จะมีการยกร่องหรือไม่ยกร่องก็ได้ เหมาะสำหรับการปลูกมันสำปะหลังปลายฤดูฝนในดินทราย หรือดินทรายปนร่วน เนื่องจากความชื้นในดินมีเพียงพอต่อการงอก<ref name=":1">สมลักษณ์ จูฑังคะ. 2551. เทคโนโลยีการผลิตมันสำปะหลัง. วารสารวิชาการ. ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง กรมวิชาการเกษตร. </ref>


* '''การไถพรวนน้อยครั้ง''' ทำการไถพรวนโดยใช้ผาล 7 เพียงครั้งเดียว ตามด้วยการยกร่อง หรือไม่ยกร่อง แต่ไม่ควรใช้วิธีนี้ติดต่อกันหลายปี เพราะจะทำให้เกิดชั้นดินดานในระดับดินล่างตื้น
* '''การไถพรวนน้อยครั้ง''' ทำการไถพรวนโดยใช้ผาล 7 เพียงครั้งเดียว ตามด้วยการยกร่อง หรือไม่ยกร่อง แต่ไม่ควรใช้วิธีนี้ติดต่อกันหลายปี เพราะจะทำให้เกิดชั้นดินดานในระดับดินล่างตื้น<ref name=":1" />


* '''การไถพรวนมากกว่า 1 ครั้ง''' ทำการไถพลิกฟื้นดินโดยใช้ผาล 3 และพรวนดินโดยใช้ผาล 7 เพียงครั้งเดียว หรือ 2 ครั้งขึ้นอยู่กับสภาพของดิน ตามด้วยการยกร่องหรือไม่ยกร่อง การไถพรวนบ่อยครั้งเกินไป ทำให้ดินสูญเสียธาตุอาหารได้เร็ว เนื่องจากจะไปช่วยเร่งให้ขบวนการย่อยสลายเกิดขึ้นเร็วขึ้น และทำให้เกิดการสูญเสียน้ำในดิน (เอกสารวิชาการเทคโนโลยีการผลิตมันสำปะหลัง, 2551)
* '''การไถพรวนมากกว่า 1 ครั้ง''' ทำการไถพลิกฟื้นดินโดยใช้ผาล 3 และพรวนดินโดยใช้ผาล 7 เพียงครั้งเดียว หรือ 2 ครั้งขึ้นอยู่กับสภาพของดิน ตามด้วยการยกร่องหรือไม่ยกร่อง การไถพรวนบ่อยครั้งเกินไป ทำให้ดินสูญเสียธาตุอาหารได้เร็ว เนื่องจากจะไปช่วยเร่งให้ขบวนการย่อยสลายเกิดขึ้นเร็วขึ้น และทำให้เกิดการสูญเสียน้ำในดิน<ref name=":1" />


หากดินที่ทำการเพาะปลูกมันติดต่อกันหลายปี ควรปรับปรุงดิน เพื่อรักษาระดับผลผลิตในระยะยาว ด้วยการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักเปลือกมันชนิดเก่าค้างปี (จากโรงแป้งทั่วไป) ที่หาได้ในท้องถิ่น หรือ ปลูกพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ หมุนเวียนบำรุงดิน ในกรณีที่พื้นที่ประเภทหญ้าคา ควรใช้ยาราวด์อัพหากเป็นเครือเถาต่าง ๆ ควรใช้ยาสตาร์เรน ฉีดพ่นยาจำกัดเสียก่อนการไถ จากนั้นไถครั้งแรกโดยไถกลบวัชพืชก่อนปลูกด้วยผาน 3 (ห้ามเผาทำลายวัชพืช) ให้ลึกประมาณ 20 – 30 เซนติเมตร แล้วทิ้งระยะไว้ประมาณ 20 – 30 วัน เพื่อหมักวัชพืชเป็นปุ๋ยในดินต่อไป ไถพรวนด้วยผาน 7 อีก 1 - 2 ครั้ง ตามความเหมาะสม และรีบปลูกโดยเร็ว ในขณะที่ดินยังมีความชื้นอยู่
หากดินที่ทำการเพาะปลูกมันติดต่อกันหลายปี ควรปรับปรุงดิน เพื่อรักษาระดับผลผลิตในระยะยาว ด้วยการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักเปลือกมันชนิดเก่าค้างปี (จากโรงแป้งทั่วไป) ที่หาได้ในท้องถิ่น หรือ ปลูกพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ หมุนเวียนบำรุงดิน ในกรณีที่พื้นที่ประเภทหญ้าคา ควรใช้ยาราวด์อัพหากเป็นเครือเถาต่าง ๆ ควรใช้ยาสตาร์เรน ฉีดพ่นยาจำกัดเสียก่อนการไถ จากนั้นไถครั้งแรกโดยไถกลบวัชพืชก่อนปลูกด้วยผาน 3 (ห้ามเผาทำลายวัชพืช) ให้ลึกประมาณ 20 – 30 เซนติเมตร แล้วทิ้งระยะไว้ประมาณ 20 – 30 วัน เพื่อหมักวัชพืชเป็นปุ๋ยในดินต่อไป ไถพรวนด้วยผาน 7 อีก 1 - 2 ครั้ง ตามความเหมาะสม และรีบปลูกโดยเร็ว ในขณะที่ดินยังมีความชื้นอยู่
บรรทัดที่ 21: บรรทัดที่ 21:
== '''การทำแปลงขยายพันธุ์แบบปกติ''' <ref name=":0" /> ==
== '''การทำแปลงขยายพันธุ์แบบปกติ''' <ref name=":0" /> ==


=== '''การปลูกด้วยท่อนพันธุ์''' ===
=== การปลูกด้วยท่อนพันธุ์ ===
ปลูกมันสำปะหลังด้วยท่อนพันธุ์ที่มีความยาวประมาณ 20 – 25 เซนติเมตร ระยะปลูก ระยะปลูกมันสำปะหลังสามารถปลูกได้ตั้งแต่ระยะ 60 X 60 เซนติเมตร จนถึง 120 X 120 เซนติเมตร โดยระยะ                  100 X 100 เซนติเมตร จะมีแนวโน้มให้ผลผลิตสูงกว่าระยะอื่นๆ แต่ถ้าหากเกษตรกรมีการใช้เครื่องทุ่นแรงระยะปลูกระหว่างแถว X ต้น อาจใช้ 120 X 80 เซนติเมตร เพื่อสะดวกในการใช้เครื่องทุ่นแรง                วิธีการปลูกมันสำปะหลังของเกษตรกรมี ดังนี้ คือ
ปลูกมันสำปะหลังด้วยท่อนพันธุ์ที่มีความยาวประมาณ 20 – 25 เซนติเมตร ระยะปลูก ระยะปลูกมันสำปะหลังสามารถปลูกได้ตั้งแต่ระยะ 60 X 60 เซนติเมตร จนถึง 120 X 120 เซนติเมตร โดยระยะ                  100 X 100 เซนติเมตร จะมีแนวโน้มให้ผลผลิตสูงกว่าระยะอื่นๆ แต่ถ้าหากเกษตรกรมีการใช้เครื่องทุ่นแรงระยะปลูกระหว่างแถว X ต้น อาจใช้ 120 X 80 เซนติเมตร เพื่อสะดวกในการใช้เครื่องทุ่นแรง<ref name=":2">ไกวัล กล้าแข็ง และวิลาวัลย์ วงษ์เกษม. 2548. การปลูกมันสำปะหลัง. กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี.</ref>               วิธีการปลูกมันสำปะหลังของเกษตรกรมี ดังนี้ คือ


* '''การปลูกแบบนอน''' (ปัจจุบันไม่นิยมปลูกด้วยวิธีนี้) เป็นวิธีการปลูกแบบเก่า เพราะต้นมันสำปะหลังจะงอกโผล่พ้นดินช้ากว่าวัชพืช ทำให้การกำจัดวัชพืชลำบากมากขึ้น แต่มีข้อดี คือ ถ้าดินมีความชื้นน้อยการปลูกด้วยวิธีนี้จะทำให้มีจำนวนต้นอยู่รอดมาก และไม่ต้องระวังว่าจะปลูกโดยเอายอดลงดินซึ่งจะทำให้ตาไม่งอก
* '''การปลูกแบบนอน''' (ปัจจุบันไม่นิยมปลูกด้วยวิธีนี้) เป็นวิธีการปลูกแบบเก่า เพราะต้นมันสำปะหลังจะงอกโผล่พ้นดินช้ากว่าวัชพืช ทำให้การกำจัดวัชพืชลำบากมากขึ้น แต่มีข้อดี คือ ถ้าดินมีความชื้นน้อยการปลูกด้วยวิธีนี้จะทำให้มีจำนวนต้นอยู่รอดมาก และไม่ต้องระวังว่าจะปลูกโดยเอายอดลงดินซึ่งจะทำให้ตาไม่งอก<ref>กลุ่มสาระสนเทศการเกษตร. 2563. เอกสารเรื่องมันสำปะหลังจังหวัดพะเยา ปี 2563. สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพะเยา</ref>
* '''การปลูกแบบปัก''' การปลูกแบบปักจะให้ผลดีกว่าการปลูกแนวนอน เนื่องจากมันสำปะหลังงอกได้เร็วกว่า สม่ำเสมอกว่า สะดวกต่อการปลูกซ่อม และกำจัดวัชพืช ในฤดูฝน ถ้าพื้นที่แฉะควรยกร่องและปลูกบนสันร่อง ถ้าดินระบายน้ำดีปลูกบนพื้นที่ราบก็ได้ การปักท่อนพันธุ์ตั้งตรงหรือเอียงให้ลึกประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร สำหรับการปลูกในฤดูแล้งไม่จำเป็นต้องยกร่องแต่ควรปักตั้งตรงหรือเอียง ให้ลึกกว่าการปลูกในฤดูฝน 10 – 15 เซนติเมตร จะช่วยให้ท่อนพันธุ์มีความงอกและมีความอยู่รอดสูง ส่วนการปลูกในพื้นที่ที่มีความเอียง ควรปลูกโดยการยกร่องขวางแนวลาดเอียง  
* '''การปลูกแบบปัก''' การปลูกแบบปักจะให้ผลดีกว่าการปลูกแนวนอน เนื่องจากมันสำปะหลังงอกได้เร็วกว่า สม่ำเสมอกว่า สะดวกต่อการปลูกซ่อม และกำจัดวัชพืช ในฤดูฝน ถ้าพื้นที่แฉะควรยกร่องและปลูกบนสันร่อง ถ้าดินระบายน้ำดีปลูกบนพื้นที่ราบก็ได้ การปักท่อนพันธุ์ตั้งตรงหรือเอียงให้ลึกประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร สำหรับการปลูกในฤดูแล้งไม่จำเป็นต้องยกร่องแต่ควรปักตั้งตรงหรือเอียง ให้ลึกกว่าการปลูกในฤดูฝน 10 – 15 เซนติเมตร<ref>ไกวัล กล้าแข็ง. 2551. คู่มือนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรมันสำปะหลัง. สำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร</ref> จะช่วยให้ท่อนพันธุ์มีความงอกและมีความอยู่รอดสูง ส่วนการปลูกในพื้นที่ที่มีความเอียง ควรปลูกโดยการยกร่องขวางแนวลาดเอียง  


== '''การทำแปลงขยายต้นพันธุ์แบบเร่งรัด''' <ref name=":0" /> ==
== '''การทำแปลงขยายต้นพันธุ์แบบเร่งรัด''' <ref name=":0" /> ==
วิธีการขยายพันธุ์แบบเร่งรัด เป็นการตัดท่อนพันธุ์สั้นกว่าปกติหรือตัดต้นอ่อนไปปลูกโดยไม่ต้องรอให้มันสำปะหลังอายุครบ 8 – 12 เดือนตามวิธีการปกติ เพื่อให้ได้ปริมาณท่อนพันธุ์จำนวนมากภายในเวลาอันสั้น สามารถปฏิบัติได้หลายวิธี ดังนี้
วิธีการขยายพันธุ์แบบเร่งรัด เป็นการตัดท่อนพันธุ์สั้นกว่าปกติหรือตัดต้นอ่อนไปปลูกโดยไม่ต้องรอให้มันสำปะหลังอายุครบ 8 – 12 เดือนตามวิธีการปกติ เพื่อให้ได้ปริมาณท่อนพันธุ์จำนวนมากภายในเวลาอันสั้น สามารถปฏิบัติได้หลายวิธี ดังนี้


=== '''การขยายพันธุ์โดยการตัดยอดอ่อน''' ===
=== การขยายพันธุ์โดยการตัดยอดอ่อน ===
มันสำปะหลังที่ปลูกโดยท่อนพันธุ์ปกติ ส่วนใหญ่จะแตกตาและเจริญเป็นลำต้นหลักที่สมบูรณ์ประมาณ 1 – 3 ลำต่อต้น ขึ้นอยู่กับพันธุ์ คุณภาพท่อนพันธุ์ และสภาพแวดล้อมขณะปลูก ซึ่งโดยเฉลี่ยจะเท่ากับ 2 ลำต่อต้น แต่หากตัดส่วนยอดทิ้งในขณะที่ต้นยังเล็กอายุประมาณ 2 เดือนหลังปลูก มันสำปะหลังจะแตกตาใหม่ขึ้นมาจากต้นเดิม ทำให้ได้ลำต่อต้นมากขึ้น 2 – 3 เท่า โดยมีวิธีการ ดังนี้
มันสำปะหลังที่ปลูกโดยท่อนพันธุ์ปกติ ส่วนใหญ่จะแตกตาและเจริญเป็นลำต้นหลักที่สมบูรณ์ประมาณ 1 – 3 ลำต่อต้น ขึ้นอยู่กับพันธุ์ คุณภาพท่อนพันธุ์ และสภาพแวดล้อมขณะปลูก ซึ่งโดยเฉลี่ยจะเท่ากับ 2 ลำต่อต้น แต่หากตัดส่วนยอดทิ้งในขณะที่ต้นยังเล็กอายุประมาณ 2 เดือนหลังปลูก มันสำปะหลังจะแตกตาใหม่ขึ้นมาจากต้นเดิม ทำให้ได้ลำต่อต้นมากขึ้น 2 – 3 เท่า โดยมีวิธีการ ดังนี้


บรรทัดที่ 38: บรรทัดที่ 38:
# เมื่อมันสำปะหลังแตกยอดใหม่และมีจำนวนมากเกินไป ให้เด็ดยอดทิ้งเหลือลำต้นหลักเพียง 4 ลำต่อต้น เพื่อให้ได้ต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์แข็งแรง มีขนาดพอเหมาะสำหรับปลูก
# เมื่อมันสำปะหลังแตกยอดใหม่และมีจำนวนมากเกินไป ให้เด็ดยอดทิ้งเหลือลำต้นหลักเพียง 4 ลำต่อต้น เพื่อให้ได้ต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์แข็งแรง มีขนาดพอเหมาะสำหรับปลูก
# เก็บเกี่ยวต้นพันธุ์ภายหลังการตัดยอดประมาณ 10 เดือน หรือเมื่อมันสำปะหลังมีอายุประมาณ 12 เดือนหลังปลูก
# เก็บเกี่ยวต้นพันธุ์ภายหลังการตัดยอดประมาณ 10 เดือน หรือเมื่อมันสำปะหลังมีอายุประมาณ 12 เดือนหลังปลูก
[[ไฟล์:Image s8.png|center|thumb|257x257px|ภาพแสดงการตัดยอดต้นพันธุ์เมื่ออายุ 2 เดือนหลังปลูกเพื่อให้แตกลำเพิ่ม]]
[[ไฟล์:Image s8.png|center|thumb|257x257px|ภาพแสดงการตัดยอดต้นพันธุ์เมื่ออายุ 2 เดือนหลังปลูกเพื่อให้แตกลำเพิ่ม (ภาพจาก ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง)]]
[[ไฟล์:Untitled-1.png|center|thumb|400x400px|ภาพแสดงต้นพันธุ์ที่มีการตัดยอดเพื่อเพิ่มจำนวนลำต่อต้น (A) เปรียบเทียบกับต้นพันธุ์ปกติที่ไม่มีการตัดยอดเมื่ออายุน้อย (B)]]
[[ไฟล์:Untitled-1.png|center|thumb|400x400px|ภาพแสดงต้นพันธุ์ที่มีการตัดยอดเพื่อเพิ่มจำนวนลำต่อต้น (A) เปรียบเทียบกับต้นพันธุ์ปกติที่ไม่มีการตัดยอดเมื่ออายุน้อย (B)(ภาพจาก ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง)]]


=== '''การขยายพันธุ์โดยใช้ท่อนพันธุ์สั้น''' ===
=== การขยายพันธุ์โดยใช้ท่อนพันธุ์สั้น ===
ท่อนพันธุ์ที่ใช้ปลูกปกติมีความยาวประมาณ 20 – 25 เซนติเมตร ดังนั้นมันสำปะหลัง 1 ลำที่มีความยาวประมาณ 100 – 120 เซนติเมตร จะสามารถตัดได้เพียง 4 – 6 ท่อนเท่านั้น แต่หากตัดท่อนพันธุ์ให้สั้นลงเป็นท่อนละ 5 เซนติเมตร จะได้ปริมาณท่อนพันธุ์มากถึง 20 – 25 ท่อน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่า ภายในระยะเวลาเท่ากัน แต่การปลูกท่อนพันธุ์สั้นในสภาพแปลงมีผลให้ความงอกต่ำ ดังนั้นจึงมีวิธีการปฏิบัติดังนี้
ท่อนพันธุ์ที่ใช้ปลูกปกติมีความยาวประมาณ 20 – 25 เซนติเมตร ดังนั้นมันสำปะหลัง 1 ลำที่มีความยาวประมาณ 100 – 120 เซนติเมตร จะสามารถตัดได้เพียง 4 – 6 ท่อนเท่านั้น แต่หากตัดท่อนพันธุ์ให้สั้นลงเป็นท่อนละ 5 เซนติเมตร จะได้ปริมาณท่อนพันธุ์มากถึง 20 – 25 ท่อน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่า ภายในระยะเวลาเท่ากัน แต่การปลูกท่อนพันธุ์สั้นในสภาพแปลงมีผลให้ความงอกต่ำ ดังนั้นจึงมีวิธีการปฏิบัติดังนี้


บรรทัดที่ 51: บรรทัดที่ 51:
# จัดการด้านเขตกรรมตามวิธีปกติ
# จัดการด้านเขตกรรมตามวิธีปกติ
# ตัดต้นพันธุ์เมื่อมันสำปะหลังมีอายุประมาณ 10 – 11 เดือนหลังย้ายต้นกล้าลงแปลง
# ตัดต้นพันธุ์เมื่อมันสำปะหลังมีอายุประมาณ 10 – 11 เดือนหลังย้ายต้นกล้าลงแปลง
[[ไฟล์:Imageท่อนพันธุ์สั้น.png|center|thumb|ภาพแสดงการขยายโดยใช้ท่อนพันธุ์สั้น(ภาพจาก ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง)]]
[[ไฟล์:Imageตัดท่อนพันธุ์สั้นใส่ถุงเพาะ.png|center|thumb|ภาพแสดงการขยายโดยใช้ท่อนพันธุ์สั้น (ต่อ)(ภาพจาก ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง)]]


=== '''การขยายพันธุ์โดยใช้ท่อนพันธุ์สั้น และตัดยอดต้นอ่อน''' ===
=== การขยายพันธุ์โดยใช้ท่อนพันธุ์สั้น และตัดยอดต้นอ่อน ===
เป็นวิธีผสมผสานระหว่างการใช้ท่อนพันธุ์สั้นและการตัดยอดต้นอ่อนมาปลูก เพื่อให้ได้อัตราการขยายพันธุ์ที่สูงขึ้น สามารถลดข้อจำกัดหรืออุปสรรคในขั้นตอนการปฏิบัติงานที่มีอยู่ของ 2 วิธีการข้างต้น ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ตามขั้นตอน ดังนี้
เป็นวิธีผสมผสานระหว่างการใช้ท่อนพันธุ์สั้นและการตัดยอดต้นอ่อนมาปลูก เพื่อให้ได้อัตราการขยายพันธุ์ที่สูงขึ้น สามารถลดข้อจำกัดหรืออุปสรรคในขั้นตอนการปฏิบัติงานที่มีอยู่ของ 2 วิธีการข้างต้น ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ตามขั้นตอน ดังนี้


บรรทัดที่ 68: บรรทัดที่ 70:
# หลังการตัดต้นพันธุ์จะมีการแตกตาใหม่ขึ้นมาทำให้ต้องดึงอาหารที่สะสมไว้ในหัวมาใช้สร้างลำต้นและใบ ส่งผลให้ปริมาณแป้งในหัวต่ำลงในช่วง 1 – 3 เดือนแรก หลังจากนั้นผลผลิตหัวสดและปริมาณแป้งจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มอย่างเด่นชัดเมื่ออายุ 6 เดือนหลังการตัดต้น ดังนั้นจึงควรเก็บเกี่ยวที่อายุ 6 เดือนขึ้นไปหลังการตัดต้นครั้งแรก
# หลังการตัดต้นพันธุ์จะมีการแตกตาใหม่ขึ้นมาทำให้ต้องดึงอาหารที่สะสมไว้ในหัวมาใช้สร้างลำต้นและใบ ส่งผลให้ปริมาณแป้งในหัวต่ำลงในช่วง 1 – 3 เดือนแรก หลังจากนั้นผลผลิตหัวสดและปริมาณแป้งจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มอย่างเด่นชัดเมื่ออายุ 6 เดือนหลังการตัดต้น ดังนั้นจึงควรเก็บเกี่ยวที่อายุ 6 เดือนขึ้นไปหลังการตัดต้นครั้งแรก


== อ้างอิง ==
== '''อ้างอิง''' ==