ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเตรียมดิน"

ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
เพิ่มขึ้น 504 ไบต์ ,  06:06, 2 ธันวาคม 2564
 
(ไม่แสดง 5 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
บรรทัดที่ 17: บรรทัดที่ 17:
ส่วนการไถพรวนหรือไถแปร ควรทำเมื่อพร้อมปลูกโดยปกติควรทำหลังการไถดะประมาณ 5-10 วัน หากเป็นดินร่วนทรายหรือดินทราย หลังจากการไถครั้งนี้สามารถปลูกได้เลยโดยปลูกแบบพื้นราบ ใช้วิธีขึงเชือกปลูก โดยไม่จำเป็นต้องยกร่องเพื่อประหยัดต้นทุนการเตรียมดิน  
ส่วนการไถพรวนหรือไถแปร ควรทำเมื่อพร้อมปลูกโดยปกติควรทำหลังการไถดะประมาณ 5-10 วัน หากเป็นดินร่วนทรายหรือดินทราย หลังจากการไถครั้งนี้สามารถปลูกได้เลยโดยปลูกแบบพื้นราบ ใช้วิธีขึงเชือกปลูก โดยไม่จำเป็นต้องยกร่องเพื่อประหยัดต้นทุนการเตรียมดิน  


== '''การเตรียมดินตามชนิดเนื้อดิน''' ==
== '''การเตรียมดินตามชนิดเนื้อดิน''' <ref name=":0" /> ==


=== '''การจำแนกชนิดดินอย่างง่าย''' ===
=== '''การจำแนกชนิดดินอย่างง่าย''' ===
บรรทัดที่ 23: บรรทัดที่ 23:


'''ตาราง''' เกณฑ์ในการพิจารณาเนื้อดินในแปลงปลูกอย่างง่าย
'''ตาราง''' เกณฑ์ในการพิจารณาเนื้อดินในแปลงปลูกอย่างง่าย
[[ไฟล์:การเตรียมดินเพื่อปลูกมันสำปะหลัง.jpg|thumb|ภาพ การเตรียมดินเพื่อปลูกมันสำปะหลัง]]
{| class="wikitable"
{| class="wikitable"
|ลักษณะดิน
|ลักษณะดิน
บรรทัดที่ 56: บรรทัดที่ 57:
|> 45
|> 45
|}
|}
'''ที่มา:''' (สถาบันวิจัยพืชไร่, 2554)
การเตรียมดินกลุ่มดินเนื้อละเอียด ที่ประกอบไปด้วย ดินเหนียว ดินเหนียวปนทรายแป้ง ดินเหนียวปนทราย ดินร่วนเหนียว และดินร่วนเหนียวปนทรายแป้ง ในการเตรียมพื้นที่ต้องเตรียมขณะที่ดินมีความชื้นเหมาะสม เนื่องจากความชื้นมีความสำคัญต่อการไถในดินชนิดนนี้ หากมีความชื้นมากเกินไป เช่น หลังฝนตกไม่ควรไถทันทีต้องรอให้ดินมีความชื้นลดลงก่อนจึงจะสามารถถะได้ ส่วนการไถพรวนสามารถทำได้หลังจากไถดะขณะที่มีความชื้นเหมาะสมเช่นกัน เพื่อทำให้ดินมีความร่วนซุย แต่หากไถขณะที่ดินที่แห้งเกินไปจะทำให้ดินแตกละเอียด แต่สามารถไถไว้ก่อนเพื่อรอฝนได้ และเมื่อฝนตกสามารถปลูกได้เลยโดยไม่ต้องยกร่องเป็นการลดค่าใช้จ่ายจากขั้นตอนการยกร่องไปอีกหนึ่งขั้นตอน
การเตรียมดินกลุ่มดินเนื้อละเอียด ที่ประกอบไปด้วย ดินเหนียว ดินเหนียวปนทรายแป้ง ดินเหนียวปนทราย ดินร่วนเหนียว และดินร่วนเหนียวปนทรายแป้ง ในการเตรียมพื้นที่ต้องเตรียมขณะที่ดินมีความชื้นเหมาะสม เนื่องจากความชื้นมีความสำคัญต่อการไถในดินชนิดนนี้ หากมีความชื้นมากเกินไป เช่น หลังฝนตกไม่ควรไถทันทีต้องรอให้ดินมีความชื้นลดลงก่อนจึงจะสามารถถะได้ ส่วนการไถพรวนสามารถทำได้หลังจากไถดะขณะที่มีความชื้นเหมาะสมเช่นกัน เพื่อทำให้ดินมีความร่วนซุย แต่หากไถขณะที่ดินที่แห้งเกินไปจะทำให้ดินแตกละเอียด แต่สามารถไถไว้ก่อนเพื่อรอฝนได้ และเมื่อฝนตกสามารถปลูกได้เลยโดยไม่ต้องยกร่องเป็นการลดค่าใช้จ่ายจากขั้นตอนการยกร่องไปอีกหนึ่งขั้นตอน


บรรทัดที่ 77: บรรทัดที่ 76:
# ควบคุมความชื้นดิน ชั้นดานในดินล่างจะแข็งจนกระทั่งเป็นอุปสรรคต่อการแพร่กระจายของรากพืชก็ต่อเมื่อแห้งถึงระดับหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีความชื้นพอเหมาะรากพืชทั่วไปก็สามารถไชชอนเข้าไปในชั้นดานได้มากขึ้น ดังนั้น การรักษาความชื้นในดินชั้นดานให้พอเหมาะจึงสามารถลดผลกระทบของชั้นดานต่อการแพร่กระจายของรากพืชได้ระดับหนึ่ง การควบคุมความชื้นให้พอเหมาะนี้กระทำได้เฉพาะในพื้นที่ที่มีระบบชลประทานที่ดีเท่านั้น ซึ่งในกรณีเช่นนี้ปัญหาที่พืชจะขาดแคลนน้ำ โดยเหตุที่รากพืชถูกจำกัดด้วยชั้นดานก็มีปัญหาอยู่แล้ว การส่งเสริมให้รากพืชแพร่กระจายลงในชั้นดานโดยการควบคุมความชื้นของชั้นดานให้เหมาะสมจึงเป็นการส่งเสริมให้พืชได้ใช้ประโยชน์จากธาตุอาหารพืชในดินชั้นดานและใต้ดาน
# ควบคุมความชื้นดิน ชั้นดานในดินล่างจะแข็งจนกระทั่งเป็นอุปสรรคต่อการแพร่กระจายของรากพืชก็ต่อเมื่อแห้งถึงระดับหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีความชื้นพอเหมาะรากพืชทั่วไปก็สามารถไชชอนเข้าไปในชั้นดานได้มากขึ้น ดังนั้น การรักษาความชื้นในดินชั้นดานให้พอเหมาะจึงสามารถลดผลกระทบของชั้นดานต่อการแพร่กระจายของรากพืชได้ระดับหนึ่ง การควบคุมความชื้นให้พอเหมาะนี้กระทำได้เฉพาะในพื้นที่ที่มีระบบชลประทานที่ดีเท่านั้น ซึ่งในกรณีเช่นนี้ปัญหาที่พืชจะขาดแคลนน้ำ โดยเหตุที่รากพืชถูกจำกัดด้วยชั้นดานก็มีปัญหาอยู่แล้ว การส่งเสริมให้รากพืชแพร่กระจายลงในชั้นดานโดยการควบคุมความชื้นของชั้นดานให้เหมาะสมจึงเป็นการส่งเสริมให้พืชได้ใช้ประโยชน์จากธาตุอาหารพืชในดินชั้นดานและใต้ดาน


== '''ดินมีความจุในการกักเก็บธาตุอาหารและความชื้นต่ำ''' ==
== '''ดินมีความจุในการกักเก็บธาตุอาหารและความชื้นต่ำ''' <ref>มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย. (2552). การปลูกมันสำปะหลังที่ดี. เข้าถึงได้จาก <nowiki>https://www.tapiocathai.org/pdf/Tapioca%20Plan/b_plow.pdf</nowiki></ref> ==
พบมากในกลุ่มดินเนื้อหยาบ ได้แก่ ดินทราย ดินทรายปนดินร่วน ดินร่วนปนทราย และดินที่มีการปลูกมันสำปะหลังต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหรือดินที่มีปริมาณอินทรียวัตถุต่ำ ทำให้ความสามารถในการดูดซับธาตุอาหารและแลกเปลี่ยนธาตุอาหารต่ำมาก เมื่อมีการใส่ปุ๋ยเคมีลงไปทำให้เกิดการสูญเสียไปจากดินได้ง่าย ทำให้การตอบสนองต่อการใช้ปุ๋ยเคมีน้อย นอกจากนี้ดินทรายยังมีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ และเก็บน้ำไว้ไม่อยู่ง่ายต่อการขาดแคลนความชื้น ทำให้การเจริญเติบโตไม่ดีและให้ผลผลิตน้อยกว่าดินปกติ
พบมากในกลุ่มดินเนื้อหยาบ ได้แก่ ดินทราย ดินทรายปนดินร่วน ดินร่วนปนทราย และดินที่มีการปลูกมันสำปะหลังต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหรือดินที่มีปริมาณอินทรียวัตถุต่ำ ทำให้ความสามารถในการดูดซับธาตุอาหารและแลกเปลี่ยนธาตุอาหารต่ำมาก เมื่อมีการใส่ปุ๋ยเคมีลงไปทำให้เกิดการสูญเสียไปจากดินได้ง่าย ทำให้การตอบสนองต่อการใช้ปุ๋ยเคมีน้อย นอกจากนี้ดินทรายยังมีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ และเก็บน้ำไว้ไม่อยู่ง่ายต่อการขาดแคลนความชื้น ทำให้การเจริญเติบโตไม่ดีและให้ผลผลิตน้อยกว่าดินปกติ


บรรทัดที่ 88: บรรทัดที่ 87:
# การใช้ปุ๋ยเคมีในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำมากและมีปริมาณธาตุอาหารพืชไม่เพียงพอ ควรใช้ปุ๋ยเคมีร่วมด้วยตามความเหมาะสมกับชนิดพืชที่ปลูกโดยใช้ปุ๋ยเคมีที่ละลายช้าแบ่งใส่ครั้งละน้อยๆ เป็นระยะใส่ในขณะที่ดินมีความชื้นเหมาะสมและควรใช้ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์หรือใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน
# การใช้ปุ๋ยเคมีในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำมากและมีปริมาณธาตุอาหารพืชไม่เพียงพอ ควรใช้ปุ๋ยเคมีร่วมด้วยตามความเหมาะสมกับชนิดพืชที่ปลูกโดยใช้ปุ๋ยเคมีที่ละลายช้าแบ่งใส่ครั้งละน้อยๆ เป็นระยะใส่ในขณะที่ดินมีความชื้นเหมาะสมและควรใช้ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์หรือใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน


== อ้างอิง ==
== '''อ้างอิง''' ==
100

การแก้ไข

รายการนำทางไซต์