ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การจำแนกและการจัดการวัชพืช"
(ไม่แสดง 3 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 1 คน) | |||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
วัชพืช (Weeds) เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญต่อพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง เนื่องจากมันสำปะหลังมีอายุการปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 8-12 เดือน ดังนั้นระหว่างการเจริญเติบโตจนให้ผลผลิตที่ใช้ระยะเวลานานทำให้วัชพืชมีบทบาทสำคัญต่อการแก่งแย่งปัจจัยการเจริญเติบโต เช่น ธาตุอาหาร น้ำ แสงแดด และอากาศ เป็นต้น ของมันสำปะหลัง ส่งผลให้มันสำปะหลังมีผลผลิตที่ลดลง | วัชพืช (Weeds) เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญต่อพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง เนื่องจากมันสำปะหลังมีอายุการปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 8-12 เดือน ดังนั้นระหว่างการเจริญเติบโตจนให้ผลผลิตที่ใช้ระยะเวลานานทำให้วัชพืชมีบทบาทสำคัญต่อการแก่งแย่งปัจจัยการเจริญเติบโต เช่น ธาตุอาหาร น้ำ แสงแดด และอากาศ เป็นต้น ของมันสำปะหลัง ส่งผลให้มันสำปะหลังมีผลผลิตที่ลดลง<ref>พรชัย เหลืองอาภาพงศ์ 2523 การป้องกันกำจัดวัชพืช ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 164 หน้า </ref> | ||
== '''การจำแนกชนิดของวัชพืช (Weed classification)''' == | == '''การจำแนกชนิดของวัชพืช (Weed classification)''' == | ||
วัชพืชมีจำนวนหลากหลายชนิดมากจึงสามารถจำแนกออกได้เป็นประเภทต่าง ๆ ได้หลายประเภท เช่น จำแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (botany) จำแนกสัณฐานวิทยา (morphology) ชีพจำแนกพจักร (life cycle) หรือจำแนกถิ่นที่อยู่อาศัย (habitat) แต่การจำแนกวัชพืชโดยสัณฐานวิทยา (morphology) ที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะช่วยให้สามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช | วัชพืชมีจำนวนหลากหลายชนิดมากจึงสามารถจำแนกออกได้เป็นประเภทต่าง ๆ ได้หลายประเภท เช่น จำแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (botany) จำแนกสัณฐานวิทยา (morphology) ชีพจำแนกพจักร (life cycle) หรือจำแนกถิ่นที่อยู่อาศัย (habitat) แต่การจำแนกวัชพืชโดยสัณฐานวิทยา (morphology) ที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะช่วยให้สามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช<ref>สุชาดา ศรีเพ็ญ. 2525. การจำแนกวัชพืช. วิทยาการวัชพืช เอกสารวิชาการของสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย เล่ม 1 หน้า 11-13 </ref> | ||
== '''การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | == '''การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | ||
การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะจำแนกโดยทั่วไปจะใช้ลักษณะสัณฐานวิทยา (morphology) เนื่องจากจะทำให้สามารถทราบว่าวัชพืชที่พบในแปลงเป็นวัชพืชในกลุ่มใด เพื่อส่งผลสามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช ซึ่งการจำแนกวัชพืชที่ใช้ลักษณะสัณฐานวิทยาสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ | การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะจำแนกโดยทั่วไปจะใช้ลักษณะสัณฐานวิทยา (morphology) เนื่องจากจะทำให้สามารถทราบว่าวัชพืชที่พบในแปลงเป็นวัชพืชในกลุ่มใด เพื่อส่งผลสามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช ซึ่งการจำแนกวัชพืชที่ใช้ลักษณะสัณฐานวิทยาสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ | ||
# วัชพืชใบกว้าง (broadleaved weeds) เป็นวัชพืชที่มีใบเลี้ยงคู่ (dicotyledon) มีลักษณะใบแผ่นกว้างเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบจัดเรียงเป็นร่างแห หรือตาข่าย ลําต้นมีกิ่งก้านสาขามากมาย ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด การเจริญเติบโตของวัชพืชใบกว้างส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปลายยอดหรือซอกกิ่ง | # '''วัชพืชใบกว้าง (broadleaved weeds)''' เป็นวัชพืชที่มีใบเลี้ยงคู่ (dicotyledon) มีลักษณะใบแผ่นกว้างเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบจัดเรียงเป็นร่างแห หรือตาข่าย ลําต้นมีกิ่งก้านสาขามากมาย ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด การเจริญเติบโตของวัชพืชใบกว้างส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปลายยอดหรือซอกกิ่ง | ||
# วัชพืชใบแคบ (narrowleaved weeds) เป็นวัชพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (monocotyledon) มีลักษณะใบแคบเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบขนานกับก้านใบส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด ส่วนของราก หรือส่วนลำต้น วัชพืชใบแคบจำแนกได้ 2 จำพวก คือ จำพวกหญ้า (grasses) ลำต้นมีลักษณะกลมและมีข้อ (node) และปล้อง (internode) มีจุดเจริญอยู่ใต้ดินและตามข้อ และจำพวกกก (sedges) จะมีลักษณะที่สำคัญที่แตกต่างจากจำพวกหญ้าคือ ลำต้นไม่มีข้อและปล้องและลำต้นมักเป็นเหลี่ยม โดยมากมักมีชื่อเรียกขึ้นต้นว่ากก | # '''วัชพืชใบแคบ (narrowleaved weeds)''' เป็นวัชพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (monocotyledon) มีลักษณะใบแคบเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบขนานกับก้านใบส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด ส่วนของราก หรือส่วนลำต้น วัชพืชใบแคบจำแนกได้ 2 จำพวก คือ จำพวกหญ้า (grasses) ลำต้นมีลักษณะกลมและมีข้อ (node) และปล้อง (internode) มีจุดเจริญอยู่ใต้ดินและตามข้อ และจำพวกกก (sedges) จะมีลักษณะที่สำคัญที่แตกต่างจากจำพวกหญ้าคือ ลำต้นไม่มีข้อและปล้องและลำต้นมักเป็นเหลี่ยม โดยมากมักมีชื่อเรียกขึ้นต้นว่ากก | ||
== '''วัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | == '''วัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | ||
บรรทัดที่ 165: | บรรทัดที่ 165: | ||
== '''การจัดการวัชพืชในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | == '''การจัดการวัชพืชในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | ||
การจัดการวัชพืช (weed management) เป็นการบูรณาการระหว่างการป้องกัน การควบคุมและการกำจัดมาใช้ร่วมกัน แต่จะใช้วิธีการมากกว่าหรือน้อยกว่ากันใดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของปัญหา แต่โดยทั่วไปการจัดการจะเน้นไปที่การแก้ปัญหามากกว่าการป้องกัน ที่เรียกโดยทั่วไปว่า การควบคุมกำจัด ซึ่งการควบคุมกำจัดวัชพืชสามารถทำได้หลายวิธีโดยต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมและสามารถแบ่งออกได้ | การจัดการวัชพืช (weed management) เป็นการบูรณาการระหว่างการป้องกัน การควบคุมและการกำจัดมาใช้ร่วมกัน แต่จะใช้วิธีการมากกว่าหรือน้อยกว่ากันใดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของปัญหา แต่โดยทั่วไปการจัดการจะเน้นไปที่การแก้ปัญหามากกว่าการป้องกัน ที่เรียกโดยทั่วไปว่า การควบคุมกำจัด ซึ่งการควบคุมกำจัดวัชพืชสามารถทำได้หลายวิธีโดยต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมและสามารถแบ่งออกได้<ref>พรชัย เหลืองอาภาพงศ์ 2523 การป้องกันกำจัดวัชพืช ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 164 หน้า </ref> | ||
# '''การป้องกันกำจัดโดยวิธีกล''' เป็นวิธีกำจัดวัชพืชโดยการใช้แรงงานคนถากหญ้า หรือใช้เครื่องจักรกลขนาดเล็กเข้ากำจัดวัชพืชในร่องขณะที่ต้นมันสำปะหลังยังเล็ก หรือช่วงมันสำปะหลังมีอายุ 4 เดือนแรกหลังปลูก | |||
# '''การป้องกันกำจัดโดยการใช้สารป้องกันกำจัดวัชพืช''' เป็นวิธีกำจัดวัชพืชโดยการใช้สารกำจัดวัชพืช (herbicide) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดวัชพืชที่ส่งผลให้วัชพืชยับยั้งการเจริญเติบโตหรือตายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดหลัก ๆ | |||
=== แบ่งตามขอบเขตของชนิดพืชที่ควบคุม === | === แบ่งตามขอบเขตของชนิดพืชที่ควบคุม === | ||
# ประเภทเลือกทำลาย (selective herbicides) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมพืชบางชนิด แต่ไม่มีผลหรือมีผลน้อยกับพืชอีกบางชนิด สามารถควบคุมกำจัดวัชพืชได้บางชนิด โดยไม่เป็นอันตรายหรือเป็นอันตรายเพียงเล็กน้อยต่อต้นมันสำปะหลัง | # '''ประเภทเลือกทำลาย (selective herbicides)''' หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมพืชบางชนิด แต่ไม่มีผลหรือมีผลน้อยกับพืชอีกบางชนิด สามารถควบคุมกำจัดวัชพืชได้บางชนิด โดยไม่เป็นอันตรายหรือเป็นอันตรายเพียงเล็กน้อยต่อต้นมันสำปะหลัง | ||
# ประเภทไม่เลือกทำลาย (nonselective herbicides) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดพืชหรือวัชพืชทุกชนิด หากฉีดพ่นในการปลูกมันสำปะหลังต้องระมัดระวังอันตรายที่จะส่งผลต่อความเสียหายได้ | # '''ประเภทไม่เลือกทำลาย (nonselective herbicides)''' หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดพืชหรือวัชพืชทุกชนิด หากฉีดพ่นในการปลูกมันสำปะหลังต้องระมัดระวังอันตรายที่จะส่งผลต่อความเสียหายได้ | ||
=== แบ่งตามลักษณะการใช้กับพืช === | === แบ่งตามลักษณะการใช้กับพืช<ref>อัมพร สุวรรณเมฆ มปป. สิ่งที่ต้องพิจารณาบางประการในการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช เอกสารโรเนียว ภาควิชาพืชไร่นา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 7 หน้า </ref> === | ||
# ประเภทใช้ทางใบ (foliar application) หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางใบหรือยอดอ่อน ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้อีก คือ 1) ประเภทสัมผัสตาย (contact herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่มีความสามารถทำลายพืชได้เฉพาะส่วนที่สารไปสัมผัสเท่านั้นโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายของสารไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของพืช 2) ประเภทดูดซึม (systemic หรือ translocated herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่เมื่อเข้าสู่พืชแล้วสามารถเคลื่อนย้ายไปสู่ส่วนอื่นของพืชได้ โดยจะเคลื่อนย้ายไปตามท่ออาหาร (phloem) เป็นส่วนใหญ่ และจะแสดงผลในการทำลายในจุดต่าง ๆ ที่สารประเภทนี้เคลื่อนย้ายไปถึง | # '''ประเภทใช้ทางใบ (foliar application)''' หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางใบหรือยอดอ่อน ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้อีก คือ 1) ประเภทสัมผัสตาย (contact herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่มีความสามารถทำลายพืชได้เฉพาะส่วนที่สารไปสัมผัสเท่านั้นโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายของสารไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของพืช 2) ประเภทดูดซึม (systemic หรือ translocated herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่เมื่อเข้าสู่พืชแล้วสามารถเคลื่อนย้ายไปสู่ส่วนอื่นของพืชได้ โดยจะเคลื่อนย้ายไปตามท่ออาหาร (phloem) เป็นส่วนใหญ่ และจะแสดงผลในการทำลายในจุดต่าง ๆ ที่สารประเภทนี้เคลื่อนย้ายไปถึง | ||
# ประเภทใช้ทางดิน (soil application) หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางรากหรือส่วนอื่นๆ ของพืชที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งรวมถึงใบเลี้ยงหรือยอดอ่อนก่อนจะโผล่พ้นพื้นผิวดิน มีผลทำให้ส่วนขยายพันธุ์ของพืช ซึ่งเริ่มจะงอกหรือกำลังงอกได้รับอันตราย สารกำจัดวัชพืชประเภทใช้ทางดินมักจะมีผลตกค้างในดิน (residue) สารบางชนิดอยู่ในดินได้นานเป็นปี ขึ้นกับชนิดและความเข้มข้นของสาร และสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นและชนิดของดิน | #'''ประเภทใช้ทางดิน (soil application)''' หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางรากหรือส่วนอื่นๆ ของพืชที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งรวมถึงใบเลี้ยงหรือยอดอ่อนก่อนจะโผล่พ้นพื้นผิวดิน มีผลทำให้ส่วนขยายพันธุ์ของพืช ซึ่งเริ่มจะงอกหรือกำลังงอกได้รับอันตราย สารกำจัดวัชพืชประเภทใช้ทางดินมักจะมีผลตกค้างในดิน (residue) สารบางชนิดอยู่ในดินได้นานเป็นปี ขึ้นกับชนิดและความเข้มข้นของสาร และสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นและชนิดของดิน | ||
== อ้างอิง == | |||
* |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 07:26, 22 พฤศจิกายน 2564
วัชพืช (Weeds) เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญต่อพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง เนื่องจากมันสำปะหลังมีอายุการปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 8-12 เดือน ดังนั้นระหว่างการเจริญเติบโตจนให้ผลผลิตที่ใช้ระยะเวลานานทำให้วัชพืชมีบทบาทสำคัญต่อการแก่งแย่งปัจจัยการเจริญเติบโต เช่น ธาตุอาหาร น้ำ แสงแดด และอากาศ เป็นต้น ของมันสำปะหลัง ส่งผลให้มันสำปะหลังมีผลผลิตที่ลดลง[1]
การจำแนกชนิดของวัชพืช (Weed classification)[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
วัชพืชมีจำนวนหลากหลายชนิดมากจึงสามารถจำแนกออกได้เป็นประเภทต่าง ๆ ได้หลายประเภท เช่น จำแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (botany) จำแนกสัณฐานวิทยา (morphology) ชีพจำแนกพจักร (life cycle) หรือจำแนกถิ่นที่อยู่อาศัย (habitat) แต่การจำแนกวัชพืชโดยสัณฐานวิทยา (morphology) ที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะช่วยให้สามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช[2]
การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะจำแนกโดยทั่วไปจะใช้ลักษณะสัณฐานวิทยา (morphology) เนื่องจากจะทำให้สามารถทราบว่าวัชพืชที่พบในแปลงเป็นวัชพืชในกลุ่มใด เพื่อส่งผลสามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช ซึ่งการจำแนกวัชพืชที่ใช้ลักษณะสัณฐานวิทยาสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- วัชพืชใบกว้าง (broadleaved weeds) เป็นวัชพืชที่มีใบเลี้ยงคู่ (dicotyledon) มีลักษณะใบแผ่นกว้างเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบจัดเรียงเป็นร่างแห หรือตาข่าย ลําต้นมีกิ่งก้านสาขามากมาย ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด การเจริญเติบโตของวัชพืชใบกว้างส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปลายยอดหรือซอกกิ่ง
- วัชพืชใบแคบ (narrowleaved weeds) เป็นวัชพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (monocotyledon) มีลักษณะใบแคบเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบขนานกับก้านใบส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด ส่วนของราก หรือส่วนลำต้น วัชพืชใบแคบจำแนกได้ 2 จำพวก คือ จำพวกหญ้า (grasses) ลำต้นมีลักษณะกลมและมีข้อ (node) และปล้อง (internode) มีจุดเจริญอยู่ใต้ดินและตามข้อ และจำพวกกก (sedges) จะมีลักษณะที่สำคัญที่แตกต่างจากจำพวกหญ้าคือ ลำต้นไม่มีข้อและปล้องและลำต้นมักเป็นเหลี่ยม โดยมากมักมีชื่อเรียกขึ้นต้นว่ากก
วัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ปอวัชพืช[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Corchorus aestuans L.
ชื่อสามัญ: east indian jew´s-mallow
ประเภท/ชีพจักร: ใบกว้าง/อายุปีเดียว
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุปีเดียวที่มีลักษณะลำต้นตั้งตรงแตกกิ่งก้านมากสูงประมาณ 1 เมตร ลำต้นแข็งแรงขึ้นในพื้นที่ที่มีสภาพเป็นไร่ ใบใหญ่คล้ายปอกระเจา ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด
ถั่วลิสงนา[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Alysicarpus vaginalis (L.) DC.
ชื่อสามัญ: alyce clover
ประเภท/ชีพจักร: ใบกว้าง/อายุปีเดียวหรือข้ามปี
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุปีเดียวหรือข้ามปีที่มีลักษณะลำต้นเล็กแผ่ราบไปตามผิวดิน ระบบรากแบบหยั่งลึก ใบเป็นใบเดียวกลมป้อมคล้ายใบถั่วลิงสง ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอดมีสีม่วงปนแดง
ผักเบี้ยหิน[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Trianthema portulacastrum Linn.
ชื่อสามัญ: house purslane
ประเภท/ชีพจักร: ใบกว้าง/อายุปีเดียว
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุปีเดียวมีลักษณะลำต้นแผ่แนบไปตามพื้น ใบและลำต้นอวบน้ำ กิ่งก้านโปร่งมีขนละเอียด ออกดอกได้ตลอดปี ผลมีลักษณะเป็นฝักอยู่ติดตามซอกใบ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดงอกได้ในสภาพดินแห้งและชื้น เจริญเติบโตได้ในสภาพแห้งไม่ชอบสภาพน้ำขัง
หญ้าแพรก[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Cynodon dactylon (L.) Pers.
ชื่อสามัญ: bermuda grass
ประเภท/ชีพจักร: ใบแคบ/อายุข้ามปี
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุข้ามปีมีลักษณะลำต้นทอดนาบกับพื้นดิน และยกสูงขึ้นได้ประมาณ 30 เซนติเมตร ใบแหลมเล็กแคบและเรียว ผิวใบเกลี้ยง ลิ้นใบเป็นแผ่นบาง ช่อดอกมี 3-7 ช่อดอกย่อยซี่งอยู่ติดกัน ตรงปลายโคนก้านเรียงเป็นวงรอบข้อ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดหรือไหล เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินแห้ง
กระถิน[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Xyris indica L.
ชื่อสามัญ: Tall yellow-eyed grass
ประเภท/ชีพจักร: ใบแคบ/อายุข้ามปี
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุข้ามปีมีลักษณะลำต้นตั้งตรงสูงประมาณ 30 เซนติเมตร เจริญเติบโตเป็นกอ ใบแคบ เรียวยาว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ คล้ายใบหญ้าแต่อ่อนกว่า ที่ส่วนโคนของใบจะแผ่ออกเป็นกาบหุ้มลำต้น ดอก ออกเป็นช่อเดี่ยว ๆ มีกลีบประดับสีน้ำตาลซ้อนกันแน่นห่อหุ้มดอก ดอกมีสีเหลืองสด มีกลีบดอก 3 กลีบ กลีบดอกจะเหี่ยวง่าย ทยอยบานจากโคนช่อดอกไปทางปลายช่อดอก ออกดอกในฤดูหนาว ผลเป็นชนิดแคปซูล แบ่งเป็น 3 ซีก ถูกห่อหุ้มด้วยกลีบดอกที่แห้งติดอยู่
ตีนตุ๊กแก[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Tridax procumbens L.
ชื่อสามัญ: Coat Buttons/Tridax/Wild Daisy
ประเภท/ชีพจักร: ใบกว้าง/อายุปีเดียว
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุปีเดียวมีลักษณะลำต้นมีขนทอดนอนตามพื้นดิน ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกันปลายใบแหลม ขอบใบหยักมน ผิวใบทั้งสองด้านมีขน แต่ผิวใบด้านล่างมีหนาแน่นกว่า ออกดอกเดี่ยวที่ซอกใบ ก้านดอกสั้นหรือไม่มีก้านดอก ผลเป็นรูปหอก 2 อันประกบกัน กว้าง 1-3 เซนติเมตร ด้านข้างของผลมีจะงอยเล็กน้อย ผิวมีขน มีกลีบเลี้ยงหุ้มผล
ผักโขมหนาม[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Amaranthus spinosus Linn.
ชื่อสามัญ: Spiny amaranth
ประเภท/ชีพจักร: ใบกว้าง/อายุปีเดียว
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุปีเดียวมีลักษณะลำต้นตั้งตรงแตกกิ่งมากรอบตัวต้นสูงประมาณ 30–110 เซนติเมตร มีหนามแหลมตามข้อ ใบมีอ่อนจะมีขนปกคลุมเล็กน้อย เป็นใบเดียวรูปหอก เรียงสลับปลายใบและโคนใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ออกดอกเป็นดอกช่อบริเวณซอกใบ ปลายกิ่ง หรือข้อข้างลำต้น เมล็ดมีขนาดเล็กสีดำหรือสีน้ำตาลเป็นมันเงา ทรงกลม ตรงกลางทั้งสองด้านนูนขนาดเล็กประมาณ 0.05 เซนติเมตร
ผักบุ้งนา[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Ipomoea aquatica Forsk.
ชื่อสามัญ: Swamp morning glory
ประเภท/ชีพจักร: ใบกว้าง/อายุข้ามปี
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุข้ามปีที่มีลักษณะลำต้นกลมเป็นเถาเลื้อยยาวหลายเมตร ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและลำต้นทั้งลำต้นและใบเมื่อตัดแล้วจะมียางสีขาว ลำต้นกลวงลอยน้ำได้ จึงสามารถอยู่ได้ในสภาพระดับน้ำลึกได้
มะระ [แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Momordica charantia L.
ชื่อสามัญ: Balsam pear, Bitter cucumber, Leprosy gourd.
ประเภท/ชีพจักร: ใบกว้าง/อายุปีเดียว
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุปีเดียวที่มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย มีมือเกาะเป็นเส้นยาวออกตรงข้ามใบ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปฝามือกว้างและยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร ขอบใบเว้าเป็นแฉก ออกดอกเป็นดอกเดี่ยวบริเวณซอกใบ มีกลีบดอกสีเหลืองรูประฆัง ผลเป็นรูปรีหัวท้ายแหลมผิวขรุขระ
จิงจ้อเหลี่ยม[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Operculina turpethum (L.) S. Manso
ชื่อสามัญ: -
ประเภท/ชีพจักร: ใบกว้าง/อายุปีเดียว
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุปีเดียวที่มีลักษณะเป็นไม้เถายาว 1–2 เมตร มีขนยาวหนาแน่นตามลำต้น แผ่นใบด้านล่าง ใบประดับ ใบประดับย่อย และกลีบเลี้ยงด้านนอก ใบรูปหัวใจ ออกดอกเป็นช่อกระจุกเป็นรูปแตร สีม่วงหรือชมพูแน่นบริเวณบนวงใบประดับ เมล็ดมีขนสั้นนุ่มยาว 3–4 มิลลิเมตร
แตงโมป่า[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Gymnopetalum integrifolim Kurz.
ชื่อสามัญ: -
ประเภท/ชีพจักร: ใบกว้าง/อายุปีเดียว
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุปีเดียวที่มีลักษณะเป็นไม้เถาเลื้อย ลำเถาอวบน้ำ และสากมีขนสีขาวสั้นตั้งตรงเกาะติดหนาแน่น ใบเป็นใบเดี่ยว การเกาะติดของใบบนกิ่งแบบเวียนและมีหนวดที่โคนก้านใบ ใบรูปไข่เกือบกลม 5 เหลี่ยม ปลายแหลม ขอบหยักบิดเป็นคลื่น ออกดอกเป็นดอกเดี่ยวบริเวณที่ซอกใบ ดอกสีขาวกลีบดอกส่วนโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดส่วนปลายแยกเป็นกลีบ 4 - 5 กลีบ ผลเป็นทรงกลมโต ผิวเรียบ ผลอ่อนสีเขียว มีริ้วสีขาวจาง ๆ ผลสุกนั้นจะมีสีแดงภายในมีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดทรงกลมรีแบนมีเยื่อหุ้มเมล็ดเป็นเมือกใสสีเขียวเข้มเกือบดำ เยื่อหุ้มเมล็ดจะมีสีเขียวเข้ม
พะดอเงียว[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: syn. Andropogon annulatus Forssk.
ชื่อสามัญ: Hindi grass, sheda grass, two flowered golden beard
ประเภท/ชีพจักร: ใบแคบ/อายุข้ามปี
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุข้ามปีมีลักษณะเป็นกอสูง 90 - 115 ใบเรียวยาวไปที่ปลายใบ หน้าใบมีขนละเอียดจำนวนมาก ส่วนหลังใบมีขนน้อยกว่าหน้าใบ ข้อต่อกาบใบมีเยื่อกันน้ำหรือลิ้นใบ (ligule) ลักษณะเป็นแผ่นสีขาวปลาย ช่อดอกมี 2 - 3 raceme เรียงตัวอยู่บนจุดเดียวกันคล้ายรูปนิ้วมือ (digitate) หรือ subdigitate แต่ละดอกย่อยยาวประมาณ 5 - 8 เซนติเมตร เปลือกหุ้มเมล็ดมีขนละเอียดสีขาวและมีหางยาวประมาณ 1.7 - 2.1 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและหน่อพันธุ์อายุน้อย ๆ
หนาดดอย[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Laggera pterodonta (DC.) Sch.Bip. ex Oliv.
ชื่อสามัญ: Conyza ctenoptera Kunth, Laggera pterodonta
ประเภท/ชีพจักร: ใบแคบ/อายุปีเดียว
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุปีเดียวมีลักษณะลำต้นตั้งตรงความสูงของต้นได้ถึง 2 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นสันสี่เหลี่ยมแผ่เป็นปีกบาง ๆ สีเขียว มีขนละเอียด ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนานถึงรูปไข่กลับแผ่นใบมีขนละเอียดทั้งสองด้าน หลังใบเป็นสีเขียวหม่นถึงสีเขียวเข้ม ส่วนท้องใบเป็นสีเขียว ออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่นแยกแขนงหรือเชิงหลั่นบริเวณซอกใบ มีชั้นใบประดับ กลีบดอกเป็นสีม่วงเข้ม เชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว ผลเป็นรูปเส้นยาว ขอบเป็นสัน ไม่แตก และมีขนละเอียด
สาบแล้งสาบกา[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
ชื่อวิทยาศาสตร์: Ageratum conyzoides L.
ชื่อสามัญ: Goat weed
ประเภท: ใบกว้าง/อายุปีเดียว
ลักษณะ: เป็นวัชพืชอายุปีเดียวมีลักษณะลำต้นเรียวยาวมีขนสีขาวสูง 24-30 เซนติเมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับออกตรงข้ามคล้ายรูปไข่แกมรูปหัวใจผิวใบทั้ง 2 ด้านมีขน ขอบใบหยักมนหรือแหลม ดอกออกเป็นช่อกระจุกแน่นออกเป็นช่อเชิงหลั่นประกอบด้วย 5-15 ช่อย่อยผล ผลแห้ง เมล็ดรูปขนานสีดำยาว 1.5-1.7 มิลลิเมตร
การจัดการวัชพืชในแปลงปลูกมันสำปะหลัง[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
การจัดการวัชพืช (weed management) เป็นการบูรณาการระหว่างการป้องกัน การควบคุมและการกำจัดมาใช้ร่วมกัน แต่จะใช้วิธีการมากกว่าหรือน้อยกว่ากันใดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของปัญหา แต่โดยทั่วไปการจัดการจะเน้นไปที่การแก้ปัญหามากกว่าการป้องกัน ที่เรียกโดยทั่วไปว่า การควบคุมกำจัด ซึ่งการควบคุมกำจัดวัชพืชสามารถทำได้หลายวิธีโดยต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมและสามารถแบ่งออกได้[3]
- การป้องกันกำจัดโดยวิธีกล เป็นวิธีกำจัดวัชพืชโดยการใช้แรงงานคนถากหญ้า หรือใช้เครื่องจักรกลขนาดเล็กเข้ากำจัดวัชพืชในร่องขณะที่ต้นมันสำปะหลังยังเล็ก หรือช่วงมันสำปะหลังมีอายุ 4 เดือนแรกหลังปลูก
- การป้องกันกำจัดโดยการใช้สารป้องกันกำจัดวัชพืช เป็นวิธีกำจัดวัชพืชโดยการใช้สารกำจัดวัชพืช (herbicide) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดวัชพืชที่ส่งผลให้วัชพืชยับยั้งการเจริญเติบโตหรือตายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดหลัก ๆ
แบ่งตามขอบเขตของชนิดพืชที่ควบคุม[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
- ประเภทเลือกทำลาย (selective herbicides) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมพืชบางชนิด แต่ไม่มีผลหรือมีผลน้อยกับพืชอีกบางชนิด สามารถควบคุมกำจัดวัชพืชได้บางชนิด โดยไม่เป็นอันตรายหรือเป็นอันตรายเพียงเล็กน้อยต่อต้นมันสำปะหลัง
- ประเภทไม่เลือกทำลาย (nonselective herbicides) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดพืชหรือวัชพืชทุกชนิด หากฉีดพ่นในการปลูกมันสำปะหลังต้องระมัดระวังอันตรายที่จะส่งผลต่อความเสียหายได้
แบ่งตามลักษณะการใช้กับพืช[4][แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
- ประเภทใช้ทางใบ (foliar application) หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางใบหรือยอดอ่อน ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้อีก คือ 1) ประเภทสัมผัสตาย (contact herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่มีความสามารถทำลายพืชได้เฉพาะส่วนที่สารไปสัมผัสเท่านั้นโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายของสารไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของพืช 2) ประเภทดูดซึม (systemic หรือ translocated herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่เมื่อเข้าสู่พืชแล้วสามารถเคลื่อนย้ายไปสู่ส่วนอื่นของพืชได้ โดยจะเคลื่อนย้ายไปตามท่ออาหาร (phloem) เป็นส่วนใหญ่ และจะแสดงผลในการทำลายในจุดต่าง ๆ ที่สารประเภทนี้เคลื่อนย้ายไปถึง
- ประเภทใช้ทางดิน (soil application) หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางรากหรือส่วนอื่นๆ ของพืชที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งรวมถึงใบเลี้ยงหรือยอดอ่อนก่อนจะโผล่พ้นพื้นผิวดิน มีผลทำให้ส่วนขยายพันธุ์ของพืช ซึ่งเริ่มจะงอกหรือกำลังงอกได้รับอันตราย สารกำจัดวัชพืชประเภทใช้ทางดินมักจะมีผลตกค้างในดิน (residue) สารบางชนิดอยู่ในดินได้นานเป็นปี ขึ้นกับชนิดและความเข้มข้นของสาร และสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นและชนิดของดิน
อ้างอิง[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
- ↑ พรชัย เหลืองอาภาพงศ์ 2523 การป้องกันกำจัดวัชพืช ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 164 หน้า
- ↑ สุชาดา ศรีเพ็ญ. 2525. การจำแนกวัชพืช. วิทยาการวัชพืช เอกสารวิชาการของสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย เล่ม 1 หน้า 11-13
- ↑ พรชัย เหลืองอาภาพงศ์ 2523 การป้องกันกำจัดวัชพืช ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 164 หน้า
- ↑ อัมพร สุวรรณเมฆ มปป. สิ่งที่ต้องพิจารณาบางประการในการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช เอกสารโรเนียว ภาควิชาพืชไร่นา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 7 หน้า