ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การใช้ประโยชน์จากผลผลิตมันสำปะหลัง"
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
ประเทศไทยมีการปลูกมันสำปะหลังเป็นจำนวนมากถึง 25.57 ล้านตัน ในปี 2520-2551 และมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปี โดยในปี 2563 พบว่าประเทศไทยมีเนื้อที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ 9.44 ล้านไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 8.92 ล้านไร่ ผลผลิต 28.10 ล้านตัน มีการส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ และนำมาแปรรูปในอุตสาหกรรมแป้งและอาหารสัตว์ อีกทั้งนี้ยังนำมารับประทานในรูปของอาหารชนิดต่าง ๆ มันสำปะหลังเป็นพืชที่สามารถนำทุกส่วนมาใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่ใบ ลำต้น ตลอดจนส่วนของราก อย่างไรก็ตามการใช้ประโยชน์มันสำปะหลังภายในประเทศส่วนใหญ่ยังจำกัดอยู่เพียงอุตสาหรรมแป้งและอาหารสัตว์ ส่วนที่นำมารับประทานก็เพียงเป็นอาหารว่าง ประเภทขนมหวานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วมันสำปะหลังถูกนำไปใช้เป็นอาหารหลักของมนุษย์มาเป็นเวลานานมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศทางแถบทวีปแอฟริกา และอเมริกาใต้ ตลอดจนบางประเทศในทวีปเอเชีย ดังนั้นการใช้ประโยชน์ของมันสำปะหลังจึงมีมากมายดังต่อไปนี้ | ประเทศไทยมีการปลูกมันสำปะหลังเป็นจำนวนมากถึง 25.57 ล้านตัน ในปี 2520-2551 และมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปี โดยในปี 2563 พบว่าประเทศไทยมีเนื้อที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ 9.44 ล้านไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 8.92 ล้านไร่ ผลผลิต 28.10 ล้านตัน มีการส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ และนำมาแปรรูปในอุตสาหกรรมแป้งและอาหารสัตว์ อีกทั้งนี้ยังนำมารับประทานในรูปของอาหารชนิดต่าง ๆ มันสำปะหลังเป็นพืชที่สามารถนำทุกส่วนมาใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่ใบ ลำต้น ตลอดจนส่วนของราก อย่างไรก็ตามการใช้ประโยชน์มันสำปะหลังภายในประเทศส่วนใหญ่ยังจำกัดอยู่เพียงอุตสาหรรมแป้งและอาหารสัตว์ ส่วนที่นำมารับประทานก็เพียงเป็นอาหารว่าง ประเภทขนมหวานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วมันสำปะหลังถูกนำไปใช้เป็นอาหารหลักของมนุษย์มาเป็นเวลานานมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศทางแถบทวีปแอฟริกา และอเมริกาใต้ ตลอดจนบางประเทศในทวีปเอเชีย ดังนั้นการใช้ประโยชน์ของมันสำปะหลังจึงมีมากมายดังต่อไปนี้ | ||
==ประโยชน์ของมันสำปะหลังแยกตามส่วนต่าง ๆ ของต้น แบ่งตามส่วนต่าง ๆ== | |||
มันสำปะหลังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ตั้งแต่ ใบ ลำต้น ตลอดจนส่วนของราก โดยใช้เป็นอาหาร นำมาแปรรูปในอุตสาหกรรมแป้งและอาหารสัตว์ สำหรับประเทศไทยส่วนใหญ่มักใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมแป้งและอาหารสัตว์ และเป็นสินค้าส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ แป้งมันสำปะหลัง แป้งดัดแปร และมันสำปะหลังอัดเม็ด/มันเส้น (ตารางที่ 16.1) ยังมีเพียงส่วนน้อยที่นำมาใช้เป็นอาหารโดยตรง เช่น ขนมมันสำปะหลังเชื่อม ขนมมันทิพย์ ขนมมันนึ่ง เป็นต้น | มันสำปะหลังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ตั้งแต่ ใบ ลำต้น ตลอดจนส่วนของราก โดยใช้เป็นอาหาร นำมาแปรรูปในอุตสาหกรรมแป้งและอาหารสัตว์ สำหรับประเทศไทยส่วนใหญ่มักใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมแป้งและอาหารสัตว์ และเป็นสินค้าส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ แป้งมันสำปะหลัง แป้งดัดแปร และมันสำปะหลังอัดเม็ด/มันเส้น (ตารางที่ 16.1) ยังมีเพียงส่วนน้อยที่นำมาใช้เป็นอาหารโดยตรง เช่น ขนมมันสำปะหลังเชื่อม ขนมมันทิพย์ ขนมมันนึ่ง เป็นต้น | ||
* [[หัวสด]] | |||
*[[ใบ]] | *[[ใบ]] | ||
*[[ลำต้น]] | *[[ลำต้น]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:56, 30 มิถุนายน 2564
ประเทศไทยมีการปลูกมันสำปะหลังเป็นจำนวนมากถึง 25.57 ล้านตัน ในปี 2520-2551 และมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ ปี โดยในปี 2563 พบว่าประเทศไทยมีเนื้อที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ 9.44 ล้านไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 8.92 ล้านไร่ ผลผลิต 28.10 ล้านตัน มีการส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ และนำมาแปรรูปในอุตสาหกรรมแป้งและอาหารสัตว์ อีกทั้งนี้ยังนำมารับประทานในรูปของอาหารชนิดต่าง ๆ มันสำปะหลังเป็นพืชที่สามารถนำทุกส่วนมาใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่ใบ ลำต้น ตลอดจนส่วนของราก อย่างไรก็ตามการใช้ประโยชน์มันสำปะหลังภายในประเทศส่วนใหญ่ยังจำกัดอยู่เพียงอุตสาหรรมแป้งและอาหารสัตว์ ส่วนที่นำมารับประทานก็เพียงเป็นอาหารว่าง ประเภทขนมหวานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วมันสำปะหลังถูกนำไปใช้เป็นอาหารหลักของมนุษย์มาเป็นเวลานานมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศทางแถบทวีปแอฟริกา และอเมริกาใต้ ตลอดจนบางประเทศในทวีปเอเชีย ดังนั้นการใช้ประโยชน์ของมันสำปะหลังจึงมีมากมายดังต่อไปนี้
ประโยชน์ของมันสำปะหลังแยกตามส่วนต่าง ๆ ของต้น แบ่งตามส่วนต่าง ๆ
มันสำปะหลังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ตั้งแต่ ใบ ลำต้น ตลอดจนส่วนของราก โดยใช้เป็นอาหาร นำมาแปรรูปในอุตสาหกรรมแป้งและอาหารสัตว์ สำหรับประเทศไทยส่วนใหญ่มักใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมแป้งและอาหารสัตว์ และเป็นสินค้าส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ แป้งมันสำปะหลัง แป้งดัดแปร และมันสำปะหลังอัดเม็ด/มันเส้น (ตารางที่ 16.1) ยังมีเพียงส่วนน้อยที่นำมาใช้เป็นอาหารโดยตรง เช่น ขนมมันสำปะหลังเชื่อม ขนมมันทิพย์ ขนมมันนึ่ง เป็นต้น