กำลังแก้ไข การจำแนกและการจัดการวัชพืช
ไปยังการนำทาง
ไปยังการค้นหา
คำเตือน: คุณไม่ได้เข้าสู่ระบบ สาธารณะจะเห็นที่อยู่ไอพีของคุณหากคุณทำการแก้ไขใดๆ หากคุณเข้าสู่ระบบหรือสร้างบัญชี การแก้ไขของคุณจะถือว่าเป็นของชื่อผู้ใช้ของคุณ พร้อมทั้งอาจมีประโยชน์อื่นๆ ด้วย
สามารถย้อนการแก้ไขนี้กลับได้ กรุณาตรวจสอบข้อแตกต่างด้านล่างเพื่อทวนสอบว่านี่เป็นสิ่งที่คุณต้องการทำ แล้วบันทึกการเปลี่ยนแปลงด้านล่างเพื่อเสร็จสิ้นการย้อนการแก้ไขกลับ
รุ่นแก้ไขปัจจุบัน | ข้อความของคุณ | ||
บรรทัดที่ 1: | บรรทัดที่ 1: | ||
วัชพืช (Weeds) เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญต่อพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง เนื่องจากมันสำปะหลังมีอายุการปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 8-12 เดือน ดังนั้นระหว่างการเจริญเติบโตจนให้ผลผลิตที่ใช้ระยะเวลานานทำให้วัชพืชมีบทบาทสำคัญต่อการแก่งแย่งปัจจัยการเจริญเติบโต เช่น ธาตุอาหาร น้ำ แสงแดด และอากาศ เป็นต้น ของมันสำปะหลัง ส่งผลให้มันสำปะหลังมีผลผลิตที่ลดลง | วัชพืช (Weeds) เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญต่อพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง เนื่องจากมันสำปะหลังมีอายุการปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 8-12 เดือน ดังนั้นระหว่างการเจริญเติบโตจนให้ผลผลิตที่ใช้ระยะเวลานานทำให้วัชพืชมีบทบาทสำคัญต่อการแก่งแย่งปัจจัยการเจริญเติบโต เช่น ธาตุอาหาร น้ำ แสงแดด และอากาศ เป็นต้น ของมันสำปะหลัง ส่งผลให้มันสำปะหลังมีผลผลิตที่ลดลง | ||
== '''การจำแนกชนิดของวัชพืช (Weed classification)''' == | == '''การจำแนกชนิดของวัชพืช (Weed classification)''' == | ||
วัชพืชมีจำนวนหลากหลายชนิดมากจึงสามารถจำแนกออกได้เป็นประเภทต่าง ๆ ได้หลายประเภท เช่น จำแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (botany) จำแนกสัณฐานวิทยา (morphology) ชีพจำแนกพจักร (life cycle) หรือจำแนกถิ่นที่อยู่อาศัย (habitat) แต่การจำแนกวัชพืชโดยสัณฐานวิทยา (morphology) ที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะช่วยให้สามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช | วัชพืชมีจำนวนหลากหลายชนิดมากจึงสามารถจำแนกออกได้เป็นประเภทต่าง ๆ ได้หลายประเภท เช่น จำแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (botany) จำแนกสัณฐานวิทยา (morphology) ชีพจำแนกพจักร (life cycle) หรือจำแนกถิ่นที่อยู่อาศัย (habitat) แต่การจำแนกวัชพืชโดยสัณฐานวิทยา (morphology) ที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะช่วยให้สามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช | ||
== '''การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | == '''การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | ||
การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะจำแนกโดยทั่วไปจะใช้ลักษณะสัณฐานวิทยา (morphology) เนื่องจากจะทำให้สามารถทราบว่าวัชพืชที่พบในแปลงเป็นวัชพืชในกลุ่มใด เพื่อส่งผลสามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช ซึ่งการจำแนกวัชพืชที่ใช้ลักษณะสัณฐานวิทยาสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ | การจำแนกชนิดของวัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลังจะจำแนกโดยทั่วไปจะใช้ลักษณะสัณฐานวิทยา (morphology) เนื่องจากจะทำให้สามารถทราบว่าวัชพืชที่พบในแปลงเป็นวัชพืชในกลุ่มใด เพื่อส่งผลสามารถเลือกใช้วิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในกรณีของการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดวัชพืช ซึ่งการจำแนกวัชพืชที่ใช้ลักษณะสัณฐานวิทยาสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ | ||
# | # วัชพืชใบกว้าง (broadleaved weeds) เป็นวัชพืชที่มีใบเลี้ยงคู่ (dicotyledon) มีลักษณะใบแผ่นกว้างเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบจัดเรียงเป็นร่างแห หรือตาข่าย ลําต้นมีกิ่งก้านสาขามากมาย ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด การเจริญเติบโตของวัชพืชใบกว้างส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปลายยอดหรือซอกกิ่ง | ||
# | # วัชพืชใบแคบ (narrowleaved weeds) เป็นวัชพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (monocotyledon) มีลักษณะใบแคบเมื่อเทียบกับความยาวใบ เส้นใบขนานกับก้านใบส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด ส่วนของราก หรือส่วนลำต้น วัชพืชใบแคบจำแนกได้ 2 จำพวก คือ จำพวกหญ้า (grasses) ลำต้นมีลักษณะกลมและมีข้อ (node) และปล้อง (internode) มีจุดเจริญอยู่ใต้ดินและตามข้อ และจำพวกกก (sedges) จะมีลักษณะที่สำคัญที่แตกต่างจากจำพวกหญ้าคือ ลำต้นไม่มีข้อและปล้องและลำต้นมักเป็นเหลี่ยม โดยมากมักมีชื่อเรียกขึ้นต้นว่ากก | ||
== '''วัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | == '''วัชพืชที่พบในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | ||
บรรทัดที่ 165: | บรรทัดที่ 165: | ||
== '''การจัดการวัชพืชในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | == '''การจัดการวัชพืชในแปลงปลูกมันสำปะหลัง''' == | ||
การจัดการวัชพืช (weed management) เป็นการบูรณาการระหว่างการป้องกัน การควบคุมและการกำจัดมาใช้ร่วมกัน แต่จะใช้วิธีการมากกว่าหรือน้อยกว่ากันใดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของปัญหา แต่โดยทั่วไปการจัดการจะเน้นไปที่การแก้ปัญหามากกว่าการป้องกัน ที่เรียกโดยทั่วไปว่า การควบคุมกำจัด ซึ่งการควบคุมกำจัดวัชพืชสามารถทำได้หลายวิธีโดยต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมและสามารถแบ่งออกได้ | การจัดการวัชพืช (weed management) เป็นการบูรณาการระหว่างการป้องกัน การควบคุมและการกำจัดมาใช้ร่วมกัน แต่จะใช้วิธีการมากกว่าหรือน้อยกว่ากันใดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของปัญหา แต่โดยทั่วไปการจัดการจะเน้นไปที่การแก้ปัญหามากกว่าการป้องกัน ที่เรียกโดยทั่วไปว่า การควบคุมกำจัด ซึ่งการควบคุมกำจัดวัชพืชสามารถทำได้หลายวิธีโดยต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมและสามารถแบ่งออกได้ | ||
* การป้องกันกำจัดโดยวิธีกล เป็นวิธีกำจัดวัชพืชโดยการใช้แรงงานคนถากหญ้า หรือใช้เครื่องจักรกลขนาดเล็กเข้ากำจัดวัชพืชในร่องขณะที่ต้นมันสำปะหลังยังเล็ก หรือช่วงมันสำปะหลังมีอายุ 4 เดือนแรกหลังปลูก | |||
* การป้องกันกำจัดโดยการใช้สารป้องกันกำจัดวัชพืช เป็นวิธีกำจัดวัชพืชโดยการใช้สารกำจัดวัชพืช (herbicide) ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดวัชพืชที่ส่งผลให้วัชพืชยับยั้งการเจริญเติบโตหรือตายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดหลัก ๆ | |||
=== แบ่งตามขอบเขตของชนิดพืชที่ควบคุม === | === แบ่งตามขอบเขตของชนิดพืชที่ควบคุม === | ||
# | # ประเภทเลือกทำลาย (selective herbicides) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมพืชบางชนิด แต่ไม่มีผลหรือมีผลน้อยกับพืชอีกบางชนิด สามารถควบคุมกำจัดวัชพืชได้บางชนิด โดยไม่เป็นอันตรายหรือเป็นอันตรายเพียงเล็กน้อยต่อต้นมันสำปะหลัง | ||
# | # ประเภทไม่เลือกทำลาย (nonselective herbicides) หมายถึง สารเคมีที่มีฤทธิ์ในการควบคุมกำจัดพืชหรือวัชพืชทุกชนิด หากฉีดพ่นในการปลูกมันสำปะหลังต้องระมัดระวังอันตรายที่จะส่งผลต่อความเสียหายได้ | ||
=== แบ่งตามลักษณะการใช้กับพืช | === แบ่งตามลักษณะการใช้กับพืช === | ||
# | # ประเภทใช้ทางใบ (foliar application) หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางใบหรือยอดอ่อน ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้อีก คือ 1) ประเภทสัมผัสตาย (contact herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่มีความสามารถทำลายพืชได้เฉพาะส่วนที่สารไปสัมผัสเท่านั้นโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายของสารไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของพืช 2) ประเภทดูดซึม (systemic หรือ translocated herbicides) คือ สารกำจัดวัชพืชที่เมื่อเข้าสู่พืชแล้วสามารถเคลื่อนย้ายไปสู่ส่วนอื่นของพืชได้ โดยจะเคลื่อนย้ายไปตามท่ออาหาร (phloem) เป็นส่วนใหญ่ และจะแสดงผลในการทำลายในจุดต่าง ๆ ที่สารประเภทนี้เคลื่อนย้ายไปถึง | ||
# | # ประเภทใช้ทางดิน (soil application) หมายถึง สารกำจัดวัชพืชที่เข้าสู่พืชทางรากหรือส่วนอื่นๆ ของพืชที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งรวมถึงใบเลี้ยงหรือยอดอ่อนก่อนจะโผล่พ้นพื้นผิวดิน มีผลทำให้ส่วนขยายพันธุ์ของพืช ซึ่งเริ่มจะงอกหรือกำลังงอกได้รับอันตราย สารกำจัดวัชพืชประเภทใช้ทางดินมักจะมีผลตกค้างในดิน (residue) สารบางชนิดอยู่ในดินได้นานเป็นปี ขึ้นกับชนิดและความเข้มข้นของสาร และสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นและชนิดของดิน | ||